By clicking “Accept All Cookies”, you agree to the storing of cookies on your device to enhance site navigation, analyze site usage, and assist in our marketing efforts.
Cookies Settings
การมีส่วนร่วมของชุมชน

ดาวน์โหลดนโยบายการมีส่วนร่วมของชุมชน (PDF)

ความสำคัญและความมุ่งมั่นขององค์กร

บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียดังพันธกิจที่ตั้งไว้ เพื่อสร้างความไว้วางใจและสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชุมชนซึ่งเป็นหนึ่งในผู้มีส่วนได้เสียหลัก

แนวทางการบริหารจัดการ

บริษัทฯ กำหนดกลยุทธ์การพัฒนาชุมชนให้สอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ภายใต้กรอบการพัฒนาชุมชน 6 ด้าน และการร่วมมือกันระหว่างบริษัทฯ ชุมชน และ ภาครัฐ ทั้งนี้เพื่อให้การพัฒนาชุมชนของทุกหน่วยธุรกิจเป็นไปในทิศทางเดียวกัน บริษัทฯ ได้พัฒนามาตรฐานการดำเนินงานและประกาศใช้ในทุกหน่วยธุรกิจ ภายใต้ระบบฐานข้อมูล Community Engagement Data Management System (CEMS) ซึ่งที่ออกแบบมาเพื่อจัดการข้อมูล ผลกระทบทางสังคมเป็นการเฉพาะ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังนำกรอบการประเมินผลตอบแทนทางสังคม (Social return on Investment: SROI) มาใช้ประเมินผลกระทบทางสังคมของโครงการพัฒนาชุมชน เพื่อสะท้อนประสิทธิผลของโครงการและการนำผลการประเมินไปใช้ปรับปรุงการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ภาพรวมการดำเนินงานในรอบปี

ในปี 2565 บริษัทฯ จัดประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาชุมชนกับทุกหมู่บ้านในอินโดนีเซียรวม 26 ครั้ง และประชุมคณะอนุกรรมการระดับกลุ่มเหมืองในออสเตรเลียจำนวน 18 ครั้ง โดยจากการประชุมพบว่า ชุมชนส่วนใหญ่ในอินโดนีเซียต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้านสุขอนามัยและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ส่วนชุมชนในออสเตรเลียให้ความสำคัญกับประเด็นแหล่งน้ำใต้ดิน การจ้างแรงงาน และความมั่นคงทางด้านพลังงาน ซึ่งบริษัทฯ นำประเด็นเหล่านี้ไปจัดลำดับความสำคัญของการจัดทำโครงการพัฒนาชุมชน

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้รับข้อร้องเรียนที่มีนัยสำคัญ 97 ข้อร้องเรียนจากชุมชนใน 2 ประเทศ โดยในออสเตรเลียมีจำนวนทั้งสิ้น 95 ข้อร้องเรียน แยกเป็น 2 ประเด็นหลัก คือ รอยร้าวบนพื้นดินในพื้นที่อุทยาน (8 ข้อร้องเรียน) ซึ่งได้ดำเนินการแก้ไขและปิดข้อร้องเรียนเรียบร้อยแล้ว และปัญหาเรื่องเสียงดังรบกวนจากพัดลมระบายอากาศ (87 ข้อร้องเรียน) ที่ยังคงอยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขทางวิศวกรรม ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในกลางปี 2566 ส่วนในเวียดนาม บริษัทฯ ได้รับ 2 ข้อร้องเรียนที่มีนัยสำคัญในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการรั่วไหลของน้ำมันจากใบพัดกังหันลมลงในพื้นที่เลี้ยงกุ้งของชาวบ้าน ปัจจุบันได้ดำเนินการแก้ไขทางวิศวกรรมได้แล้วเสร็จและอยู่ระหว่างการพิจารณาจ่ายค่าชดเชย อนึ่ง บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเปิดเผยและต่อเนื่องโดยมีการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการโดยตรงแก่ผู้ร้องเรียน คณะกรรมการที่ปรึกษาชุมชน และผู้ควบคุมของรัฐที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง

การประเมินผลกระทบด้านสังคม

บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับผลกระทบที่อาจจะเกิดกับชุมชน จึงกำหนดให้หน่วยธุรกิจจัดทำการประเมินผลกระทบทางสังคม (Social Impact Assessment: SIA) ในทุกหน่วยธุรกิจก่อนเริ่มดำเนินโครงการ โดยข้อมูลที่ได้รับจากการประเมินจะนำไปออกแบบกิจกรรมที่สามารถตอบสนองความต้องการของชุมชนโดยการลดหรือหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อชุมชนเป็นหลัก รวมถึงเปรียบเทียบผลจากการบรรเทาผลกระทบก่อนการสิ้นสุดสัมปทาน นอกจากนี้หากมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการที่มีนัยสำคัญในระหว่างดำเนินการ บริษัทฯ ได้กำหนดให้มีการประเมินผลกระทบทางสังคมใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับกิจกรรมที่ถูกปรับเปลี่ยนไป

การบริหารจัดการข้อร้องเรียนชุมชน

บริษัทฯ ได้กำหนดมาตรฐานการบริหารจัดการข้อร้องเรียนจากชุมชนและมีผู้มีส่วนได้เสีย (Community complaint management) ในทุกหน่วยธุรกิจซึ่งสามารถบริหารจัดการข้อร้องเรียนชุมชนที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างมีระบบ โดยแนวทางการดำเนินงานนี้ได้ครอบคลุมถึงชนเผ่าพื้นเมืองในพื้นที่ (Indigenous peoples management) และการดูแลชุมชนท้องถิ่น หากมีกิจกรรมการย้ายถิ่นฐานเกิดขึ้น (Resettlement management) ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดให้มีการรายงานผลการบริหารจัดการข้อร้องเรียนจากชุมชนแก่คณะกรรมการความยั่งยืนและคณะกรรมการ ESG ของบริษัทฯ อย่างสม่ำเสมอ

การบริหารจัดการข้อร้องเรียนชุมชนในออสเตรเลีย

เพื่อสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติตามมาตรฐานการจัดการข้อร้องเรียนของบริษัทฯ Centennial ได้เปิดช่องทางการรับเรื่องข้อร้องเรียน โดยแจ้งหมายเลขสายด่วนแก่ชุมชน ทั้งนี้้ ผู้ประสานงานด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชนมีหน้าที่่รับผิดชอบในการบันทึก ตรวจสอบ ประสานงานข้อร้องเรียน และประสานการแก้ไขหรือป้องกันตามความเหมาะสม อีกทั้งได้ปฏิบัติควบคู่ไปกับมาตรฐานการรายงานเหตุุการณ์ ซึ่งจะได้มีการบันทึกข้อร้องเรียนไว้อย่างเป็นระบบ อีกทั้งได้ทำการสื่อสารข้อมูลให้ชุมชนรับทราบผ่านเว็บไซต์ของ Centennial เป็นประจำทุกเดือน

ข้อร้องเรียนชุมชนเกี่ยวกับรอยร้าวบนพื้นดินในพื้นที่อุทยานในออสเตรเลีย

ในปี 2565 Centennial บริษัทย่อยในออสเตรเลีย ได้รับข้อร้องเรียนที่มีนัยสำคัญจากชุมชนจำนวน 8 ข้อร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับประเด็นรอยร้าวบนพื้นดินในพื้นที่อุทยานแอร์ลีทั้งหมด โดยข้อร้องเรียนดังกล่าวได้ถูกแก้ไขตามมาตรฐานการจัดการผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ และถูกบันทึกและนำเสนอให้คณะกรรมการที่ปรึกษาชุมชนรับทราบเนื้อหาและแนวทางการจัดการแก้ไข นอกจากนั้น ข้อร้องเรียนดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ผ่านหน้าเว็บไซต์เช่นกัน Centennial ได้ร่วมกับหน่วยงานราชการ อุทยานแห่งชาติ และผู้มีส่วนได้เสียในการแก้ไขปัญหาซึ่งรวมถึง การแก้ไขแบบแปลนการขุดเจาะทำเหมืองและการลดผลกระทบใด ๆ ที่อาจจะส่งผลต่อผิวหน้าดินในพื้นทื่อุทยาน อนึ่งมีการรายงานผลการบริหารจัดการข้อร้องเรียนจากชุมชนแก่คณะกรรมการความยั่งยืนและคณะกรรมการ ESG ของบริษัทฯ ประจำปี 2565

แนวทางการบริหารจัดการ

บริษัทฯ กำหนดกลยุทธ์การพัฒนาชุมชนให้สอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ภายใต้กรอบการพัฒนาชุมชน 6 ด้าน และการร่วมมือกันระหว่างบริษัทฯ ชุมชน และ ภาครัฐ ทั้งนี้เพื่อให้การพัฒนาชุมชนของทุกหน่วยธุรกิจเป็นไปในทิศทางเดียวกัน บริษัทฯ ได้พัฒนามาตรฐานการดำเนินงานและประกาศใช้ในทุกหน่วยธุรกิจ ภายใต้ระบบฐานข้อมูล Community Engagement Data Management System (CEMS) ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการข้อมูล ผลกระทบทางสังคมเป็นการเฉพาะ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังนำกรอบการประเมินผลตอบแทนทางสังคม (Social return on Investment: SROI) มาใช้ประเมินผลกระทบทางสังคมของโครงการพัฒนาชุมชน เพื่อสะท้อนประสิทธิผลของโครงการและการนำผลการประเมินไปใช้ปรับปรุงการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน

เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมกับชุมชน

การวัดผลกระทบทางสังคม ระบบ CEMS

ระบบการจัดการข้อมูลการมีส่วนร่วมของชุมชน หรือ CEMS เป็นระบบที่ใช้รวบรวมผลกระทบทางสังคมของบริษัท ซึ่งได้ถูกออกแบบในการจัดเก็บ เรียกใช้ และจัดการข้อมูลในฐานข้อมูลที่ผู้ใช้งานสามารถใช้งานระบบได้ตลอดเวลาเพื่อนำข้อมูลไปใช้สื่อสารกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อไป

บ้านปูริเริ่มการพัฒนาโครงการนี้โดยได้รับความร่วมมือจากผู้แทนพนักงานจากทุกประเทศในช่วงปลายปี 2062 ต่อมาระบบถูกพัฒนาให้มีความสมบูรณ์และได้ประกาศใช้งานอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายน 2564

บ้านปูให้ร่วมมือกับชุมชนท้องถิ่นในทุกพื้นที่ที่บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจโดยมีวัตถุประสงค์หลักในการยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีของสมาชิกชุมชนทุกคน การมีส่วนร่วมของชุมชนได้ถูกดำเนินการในประเทศออสเตรเลีย อินโดนีเซีย จีน เวียดนาม และสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ ในปี 2565 ได้มีการดำเนินโครงการทั้งหมดจำนวน 156 โครงการ ด้วยงบประมาณ 2,723,167 เหรียญสหรัฐ ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบทางตรงต่อผู้รับประโยชน์จำนวน 74,521 ราย โดยมีสัดส่วนหลักที่โครงการพัฒนาด้านการศึกษาและโครงการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ซึ่งคิดเป็น 36.33% และ 28.92% ตามลำดับ

การพัฒนาชุมชน

ความสำคัญและความมุ่งมั่นขององค์กร

บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเพื่อสร้างความยั่งยืนให้แก่ชุมชน เนื่องจากการได้รับการยอมรับและความไว้วางใจจากชุุมชนซึ่งเป็นหนึ่งในผู้มีส่วนได้เสียหลักของบริษัทฯ เป็นพื้นฐานที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจ

แนวทางการบริหารจัดการ

บริษัทฯ กำหนดกลยุทธ์การพัฒนาชุมชนให้สอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ภายใต้กรอบการพัฒนาชุมชน 6 ด้าน และการร่วมมือกันระหว่างบริษัทฯ ชุมชน และ ภาครัฐ ทั้งนี้เพื่อให้การพัฒนาชุมชนของทุกหน่วยธุรกิจเป็นไปในทิศทางเดียวกัน บริษัทฯ ได้พัฒนามาตรฐานการดำเนินงานและประกาศใช้ในทุกหน่วยธุรกิจ ภายใต้ระบบฐานข้อมูล Community Engagement Data Management System (CEMS) ซึ่งที่ออกแบบมาเพื่อจัดการข้อมูล ผลกระทบทางสังคมเป็นการเฉพาะ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังนำกรอบการประเมินผลตอบแทนทางสังคม (Social return on Investment: SROI) มาใช้ประเมินผลกระทบทางสังคมของโครงการพัฒนาชุมชน เพื่อสะท้อนประสิทธิผลของโครงการและการนำผลการประเมินไปใช้ปรับปรุงการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ภาพรวมการดำเนินงานในรอบปี

ในปี 2565 บริษัทฯ ได้ดำเนินการสำรวจความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้เสียต่อโครงการพัฒนาชุมชนในอินโดเซีย นอกจากนี้เพื่อเข้าใจระดับการยอมรับของชุมชนมากยิ่งขึ้น บริษัทฯ ได้สำรวจการยอมรับของชุมชนในอินโดนี เซียและออสเตรเลีย โดยในอินโดนีเซียได้มีการสำรวจการยอมรับของชุมชนรอบเหมืองเอ็มบาลุต โดยมีความพึงพอใจอยู่ในระดับ “พึงพอใจ” สำหรับเหมืองอื่น ๆ จะดำเนินการตามแผนงานในปีต่อไป ส่วนในออสเตรเลีย ได้มีการสำรวจข้อมูลพื้นฐานการยอมรับของชุมชนผ่านการจัดการประชุม คณะอนุกรรมการระดับกลุ่มเหมือง โดยในปี 2565 เป็นการดำเนินการทบทวนแผนกลยุทธ์ในการรักษาระดับ “พึงพอใจ” ของชุมชนให้้เป็นไปตามมาตรฐาน

การสำรวจความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้เสีย

ในปี 2565 บริษัทฯ ได้ดำเนินการสำรวจความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้เสียต่อโครงการพัฒนาชุมชนที่เหมืองจำนวน 4 แห่งในอินโดนีเซีย ครอบคลุมทั้งสิ้น 17 โครงการ โดยมีความพึงพอใจเฉลี่ยร้อยละ 85 หรืออยู่ในระดับ “พึงพอใจ”

ความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อโครงการพัฒนาชุมชน

ตั้งแต่ปี 2558 บ้านปูได้ทำการสำรวจความพึงพอใจของสมาชิกในชุมชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนร่วมในโครงการพัฒนาชุมชนที่ดำเนินการในทุกเหมืองที่ประเทศอินโดนีเซีย การสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่มีต่อโครงการพัฒนาชุมชนที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัท นอกจากนั้นแล้ว บ้านปู ยังใช้ข้อมูลนี้เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการดำเนินโครงการตลอดจนใช้ข้อมูลดังกล่าวในการออกแบบและกำหนดโครงการพัฒนาชุมชน อนึ่ง ในปี 2565 บริษัทได้ทำการสำรวจความพึงพอใจของชุมชนครอบคลุมโครงการพัฒนาชุมชนจำนวนทั้งสิ้น 17 โครงการ ผลการสำรวจพบว่ามีระดับคะแนนความพึงพอใจเฉลี่ยอยู่ที่ 85% หรืออยู่ในระดับ “พึงพอใจ”

ผลลัพธ์ทางสังคม

ไฮไลท์กิจกรรมชุมชนสัมพันธ์

ศูนย์ฝึกอบรมการใช้คอมพิวเตอร์

เหมืองทรูบาอินโดได้ดำเนินโครงการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นแก่ชุมชนและนักเรียนด้วยการเพิ่มความรู้ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ โดยได้จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ชื่อว่า LPK Media Citra Mandiri ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับเรียนรู้เกี่ยวกับทักษะการใช้งานคอมพิวเตอร์ โครงการนี้ก่อตั้งในปี 2559 ปัจจุบันมีนักเรียนที่สำเร็จหลักสูตร ไปแล้วทั้งสิ้น 390 คน จากหลากหลายอาชีพ เช่น ครู นักเรียน ผู้ใช้แรงงาน และเจ้าหน้าที่ราชการ โครงการนี้ก่อให้เกิดประโยชน์แก่สมาชิกชุมชนอย่างชัดเจนซึ่งการมีทักษะทางคอมพิวเตอร์จะสามารถช่วยสร้างโอกาสในการมีงานทำ โครงการนี้้ได้รับรางวัลระดับเงิน ในการประกวดโครงการ CSR and Sustainable Rural Development (SRD) Award ซึ่งจัดโดย Ministry of Villages, Development of Disadvantaged Regions, and Transmigration ในอินโดนีเซีย

โครงการพัฒนาเศรษฐกิจชุุมชนพื้นที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์

บริษัทฯ ได้ดำเนินโครงการพัฒนาชุมชนเพื่อส่งเสริมการสร้างความร่วมมือระหว่างบริษัทฯ กับชุมชนในพื้นที่โดยจากการปรึกษากับชุมชนพบว่าการพัฒนาโอกาสการจ้างงานในท้องถิ่นเป็นประเด็นหลักที่ชุมชนให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นการสร้างรายได้ให้ครอบครัว ดังนั้นบริษัทฯ จึงออกแบบโครงการพัฒนาชุมชนโดยการจ้างแรงงานท้องถิ่นมาทำงานภายในพื้นที่ของบริษัทฯ เพื่อช่่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นโดยลักษณะงานประกอบด้วย การกำจัดวัชพืช การทำความสะอาดแผงโซลาร์เซลล์ และขันน็อต อนึ่ง ผู้ปฏิบัติงานทุกคนจะได้รับการอบรมทักษะที่จำเป็นโดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยก่อนปฏิบัติหน้าที่

กองทุนชุมชนมันดาลอง

CEY จัดสรรเงินกองทุน 50,000 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อปี ให้กับกองทุนชุมชนมันดาลอง เพื่อสนับสนุนโครงการที่ริเริ่มโดยชุมชนซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อคนในท้องถิ่น เงินสนับสนุนจะอยู่ในรูปแบบการบริจาคเพื่อการกุศลสำหรับกิจกรรม เทศกาล เหตุการณ์อื่นๆ หรือการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน อุปกรณ์ โครงการต่างๆ

© 2023 บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) | Banpu Public Company Limited. All rights reserved.