By clicking “Accept All Cookies”, you agree to the storing of cookies on your device to enhance site navigation, analyze site usage, and assist in our marketing efforts.
Cookies Settings
การมีส่วนร่วมของชุมชน

ความสำคัญ

ดาวน์โหลดนโยบายการมีส่วนร่วมของชุมชน (PDF)

ความสำคัญและความมุ่งมั่นขององค์กร

  • ความสำคัญและความมุ่งมั่นขององค์กร

บ้านปูมุ่งสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนและความไว้วางใจโดยการมีส่วนร่วมเชิงรุกกับชุมชนอย่างแข็งขัน ภายใต้แนวทางของนโยบายการมีส่วนร่วมของชุมชนและนโยบายการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม ผ่านการสนับสนุนโครงการที่เสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีและความยั่งยืนของชุมชนและสังคมทั้งในองค์กรและนอกเหนือจากการดำเนินธุรกิจ

บ้านปูมุ่งมั่นในการปฏิบัติดังต่อไปนี้:

  • ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน
  • ส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
  • มุ่งเน้นประโยชน์ส่วนรวมและสร้างคุณค่าร่วม
  • เสริมสร้างวัฒนธรรมแห่งความโปร่งใสและตรวจสอบได้
  • สนับสนุนการมีส่วนร่วมของพนักงาน

Community Engagement Policy

Corporate Philanthropy Policy

แนวทางการบริหารจัดการ

บ้านปูดำเนินธุรกิจด้วยหลัก ESG เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางธุรกิจกับการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนได้เสีย โดยประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมก่อนเริ่มพัฒนาโครงการ และในกรณีมีการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการดำเนินโครงการ พร้อมทั้งสื่อสารผลการประเมินให้ชุมชนรับทราบเพื่อให้มั่นใจว่าชุมชนได้มีส่วนเริ่มตั้งแต่ระยะเริ่มต้น นอกจากนี้ บริษัทฯ กำหนดมาตรฐานการบริหารจัดการข้อร้องเรียนและรายงานผลต่อคณะกรรมการพัฒนาที่ยั่งยืนและคณะกรรมการ ESG อย่างสม่ำเสมอเพื่อการกำกับดูแลและตรวจสอบ

บริษัทฯ จัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาชุมชน (Community Consultative Committee: CCC) ที่ประกอบด้วยตัวแทนจากชุมชนรวมทั้งกลุ่มเปราะบาง ภาครัฐ และบริษัทฯ นอกจากนี้ หน่วยงานชุมชนสัมพันธ์ในแต่ละหน่วยธุรกิจรับผิดชอบการมีส่วนร่วมของชุมชนอย่างใกล้ชิดและมีแนวทางที่เหมาะสมกับบริบทของชุมชนท้องถิ่น เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการพัฒนาชุมชนทั้งหมดเป็นประโยชน์ต่อชุมชนอย่างแท้จริง


Stakeholder engagement manual

การปฏิบัติงานด้านพัฒนาชุมชน

บริษัทฯ ได้กำหนดมาตรฐานการปฏิบัติงานด้านการพัฒนาชุมชน (Standard Practice Manual: Community

Engagement) ที่ครอบคลุมแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนและการลดผลกระทบต่อสังคมและชุมชน ซึ่งทำให้ผู้ปฏิบัติงานด้านการพัฒนาชุมชนมีแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจน และเป็นมาตรฐานเดียวกันในทุกพื้นที่

นอกจากนี้ได้มีการทบทวนมาตรฐานการปฏิบัติงานเป็นระยะ เพื่อให้มีความทันสมัยและเหมาะสมกับสภาวะต่างๆ ที่เปลี่ยนไป

Community engagement work

การนำผลจากการประเมินผลกระทบทางสังคมมาปฏิบัติ

บริษัทฯ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้น กับชุมชนจึงได้กำหนดให้จัดทำการประเมินผลกระทบทาง
สังคม (Social Impact Assessment) ในทุกหน่วยธุรกิจ ตั้งแต่ก่อนเริ่มโครงการ ข้อมูลที่ได้รับจากการประเมิน
จะถูกนำมาออกแบบกิจกรรมที่ตอบสนองต่อความต้องการของชุมชนโดยคำนึงถึงการลดหรือหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อชุมชนเป็นหลัก รวมถึงเปรียบเทียบการคลี่คลายผลกระทบก่อนที่จะออกจากพื้นที่ปฏิบัติการเมื่อสิ้นสุดสัญญา อนึ่ง หากมีการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดโครงการ ระหว่างดำเนินการ บริษัทฯ ได้กำหนดให้มีการประเมินผลกระทบทางสังคมใหม่อีกครั้งโดยพิจารณาความสอดคล้องกับกิจกรรมการผลิตที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไป


Social impact assessment

 

การประเมินผลกระทบด้านสังคม

บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับผลกระทบที่อาจจะเกิดกับชุมชน จึงกำหนดให้หน่วยธุรกิจจัดทำการประเมินผลกระทบทางสังคม หรือ Social Impact Assessment (SIA) ในทุกหน่วยธุรกิจก่อนเริ่มดำเนินโครงการ โดยข้อมูลที่ได้รับจากการประเมินจะนำไปออกแบบกิจกรรมที่สามารถตอบสนองความต้องการของชุมชนโดยการลดหรือหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อชุมชนเป็นหลัก รวมถึงเปรียบเทียบผลจากการบรรเทาผลกระทบก่อนการสิ้นสุดสัมปทาน นอกจากนี้หากมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการที่มีนัยสำคัญในระหว่างดำเนินการ บริษัทฯ ได้กำหนดให้มีการประเมินผลกระทบทางสังคมใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับกิจกรรมที่ถูกปรับเปลี่ยนไป

ธุรกิจ สถานะ จำนวนหน่วยธุรกิจ
ทั้งหมด ได้รับการประเมิน
ผลกระทบด้านสังคม
เปิดเผยผลการประเมิน
ธุรกิจเหมือง – อินโดนีเซีย เปิดดำเนินการ 5 5 5
อยู่ระหว่างการพัฒนา 3 3 NA
ธุรกิจเหมือง – ออสเตรเลีย เปิดดำเนินการ 5 5 5
อยู่ระหว่างการพัฒนา 2 2 2
ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน – จีน เปิดดำเนินการ 7 NA NA
อยู่ระหว่างการพัฒนา NA NA NA
ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน – ออสเตรเลีย เปิดดำเนินการ 2 2 2
อยู่ระหว่างการพัฒนา NA NA NA
ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน – เวียดนาม เปิดดำเนินการ 2 2 2
อยู่ระหว่างการพัฒนา 3 NA NA

หมายเหตุ:
NA = Not required to conduct SIA

เปิดเผยผลการประเมิน


การเก็บข้อมูลพื้นฐานชุมชน

บริษัทฯ ได้กำหนดให้เก็บข้อมูลพื้นฐานชุมชนในช่วงการดำเนินธุรกิจระยะต้น และปรับปรุงให้เป็นปัจจุบันเป็นระยะ เพื่อที่จะศึกษาและทำความเข้าใจสภาพแวดล้อม วิถีชีวิต และความเป็นอยู่ของชุมชนได้อย่างดีขึ้น (Community Baseline Data Collection) จากนั้นจะทำการปรึกษาหารือกับชุมชน (Community Consultation) ผ่านคณะกรรมการที่ปรึกษาชุมชน (Community Consultative Committee: CCC) เพื่อจัดทำแผนงานการพัฒนาชุมชนเฉพาะพื้นที่ตามความต้องการของชุมชน พร้อมทั้งบรรลุเป้าหมายที่ส่งเสริมผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย

การสร้างความร่วมมือท้องถิ่น

บริษัทฯ ส่งเสริมความร่วมมือกับผู้รับเหมาในการทำงานด้านพัฒนาชุมชน (Contractor Cooperation in Community Engagement Work) ซึ่งอาจมีผู้รับเหมาของบริษัทฯ หลายรายที่ทำงานพัฒนาชุมชนควบคู่ไปด้วย บริษัทฯ จึงได้ประสานความร่วมมือเพื่อดำเนินโครงการพัฒนาชุมชนร่วมกันตั้งแต่การวางแผน การจัดสรรงบประมาณ การจัดสรรบุคลากร การแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และข้อมูลข่าวสาร ซึ่งสามารถทำให้การดำเนินโครงการพัฒนาชุมชนมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมผู้ได้รับประโยชน์มากขึ้น และลดความซ้ำซ้อนของการบริหารจัดการโครงการพัฒนาชุมชนในพื้นที่

การบริหารจัดการข้อร้องเรียนชุมชน 

บริษัทฯ ได้กำหนดมาตรฐานการบริหารจัดการข้อร้องเรียนจากชุมชนและมีผู้มีส่วนได้เสีย (Community complaint management) ในทุกหน่วยธุรกิจให้สามารถบริหารจัดการข้อร้องเรียนที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างมีระบบ โดยแนวทางการดำเนินงานนี้ได้ครอบคลุมถึงการร้องเรียนของชนเผ่าพื้นเมืองในพื้นที่ (Indigenous peoples management) ชุมชนท้องถิ่น รวมถึงกรณีการโยกย้ายถิ่นฐานหากไม่สามารถหลีกได้ (Resettlement management) ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดให้มีการรายงานผลการบริหารจัดการข้อร้องเรียนที่ได้รับจากชุมชนแก่คณะกรรมการความยั่งยืนและคณะกรรมการ ESG ของบริษัทฯ อย่างสม่ำเสมอ

การจัดการข้อร้องเรียนของชุมชนเป็นกระบวนที่ช่วยให้คนในชุมชนสามารถแสดงความกังวลของตนได้ การจัดการกับข้อร้องเรียนจึงเป็นสิ่งสำคัญในการแสดงความรับผิดชอบต่อชุมชนที่เราสนับสนุนการพัฒนาและเป็นส่วนหนึ่งของบริบทด้านมนุษยธรรม นอกจากนี้ยังช่วยยกระดับการจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCM) ของเราโดยการลดความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น และจะเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เช่นกัน


Community complaint
management manual

การสอบทานคุณภาพ

บริษัทฯ ได้นำระบบการสอบทานคุณภาพ (Quality Assurance Review) โดยให้พนักงานที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับงานการพัฒนาชุมชน มาดำเนินการตรวจสอบการดำเนินงาน เพื่อความโปร่งใสและมีประสิทธิผลสูงสุด ซึ่งการสำรวจจะดำเนินการเป็นประจำทุกปี และทำให้ทราบแนวทางในการปรับปรุงการดำเนินงานพัฒนาชุมชนให้มีประสิทธิภาพต่อไป

การจัดการข้อร้องเรียนในออสเตรเลีย

ในปี 2563 เหมืองแมนดาลองในออสเตรเลียได้ขยายโครงสร้างพื้นฐานโดยการสร้าง “Mandalong South Surface Site” ซึ่งรวมถึงการติดตั้งพัดลมระบายอากาสสำหรับการทำเหมืองใต้ดิน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้รับรายงานจากคนในชุมชนเกี่ยวกับเสียงรบกวนที่เกิดจากพัดลมเหล่านี้ หลังได้รับรายงาน บริษัทฯ ได้จัดการข้อร้องเรียนตามมาตรฐานการจัดการข้อร้องเรียนที่ประกอบด้วยการสื่อสารกับผู้ร้องเรียน การปรึกษากับคณะกรรมการที่ปรึกษาชุมชน และการรายงานปัญหาต่อหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง

จากการปรึกษากับทุกภาคส่วน บริษัทฯ ดำเนินการแก้ไขโดยการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพัดลม เพื่อลดเสียงรบกวน การปรับปรุงดังกล่าวดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนตุลาคม 2566 และพบว่ามีระดับเสียงรบกวนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยปัจจุบันบริษัทฯ ไม่ได้รับข้อร้องเรียนเพิ่มเติมในประเด็นปัญหานี้


การส่งเสริมการมีส่วนร่วมชุมชน

บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชน ตั้งแต่ก่อนเริ่มโครงการ ระหว่างพัฒนาโครงการ และระยะสิ้นสุดโครงการ โดยเน้นให้สมาชิกในชุมชนได้มีส่วนร่วมในการออกแบบกิจกรรมพัฒนาชุมชน ดำเนินกิจกรรมและตรวจสอบการดำเนินงาน รวมทั้งการประเมินผล เช่น การจัดทำแผนพัฒนาชุมชนที่ตรงตามความต้องการของชุมชน และสอดคล้องกับแผนการพัฒนาของภาครัฐ เป็นต้น โดยบริษัทฯ ได้ร่วมกับชุมชนจัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาการพัฒนาชุมชน (Community Consultative Committee: CCC) ที่ประกอบด้วยตัวแทนจากชุมชน รัฐบาลในท้องถิ่น และบริษัทฯ เพื่อร่วมกันวางแผนดำเนินงานแต่ละโครงการ ติดตามความก้าวหน้า และร่วมกันแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของสังคมส่วนรวม

บริษัทฯ ส่งเสริมการร่วมมือกับผู้รับเหมาในการทำงานด้านพัฒนาชุมชน ซึ่งมีผู้รับเหมาของบริษัทฯ หลายรายที่ทำงานพัฒนาชุมชนควบคู่ไปด้วย บริษัทฯ จึงได้ประสานความร่วมมือ เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาชุมชนร่วมกัน ตั้งแต่การวางแผน การจัดสรรงบประมาณ การจัดสรรบุคลากร การแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และข้อมูลข่าวสาร ซึ่งสามารถทำให้การดำเนินโครงการพัฒนาชุมชน มีประสิทธิภาพมากขึ้น ครอบคลุมผู้ได้รับประโยชน์มากขึ้น และลดการซ้ำซ้อนของการบริหารจัดการโครงการพัฒนาชุมชนในพื้นที่

การประเมินการรับรู้และความพึงพอใจของชุมชน

บริษัทฯ กำหนดให้นำการสำรวจการรับรู้ของชุมชน (Community Perception Survey) มาใช้เป็นมาตรฐานเดียวกันในทุกพื้นที่ทำงาน เพื่อสำรวจระดับการรับรู้และการยอมรับจากชุมชน ประเด็นข้อกังวลของชุมชน รวมถึงข้อเสนอแนะจากชุมชน โดยบริษัทฯ จะนำผลที่ได้จากการสำรวจมาปรับปรุงการดำเนินงาน เพื่อให้เกิดประโยชน์และความพึงพอใจของชุมชนโดยรวม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้นำการสำรวจความพึงพอใจของชุมชนที่มีต่อโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต (Community Satisfaction Survey on Community Engagement Program) มาใช้ในส่วนงานพัฒนาชุมชนของบริษัทฯ ในอินโดนีเซีย ซึ่งได้จัดทำ การสำรวจเป็นประจำทุกปี ทำให้บริษัทฯ ได้ทราบประเด็นความพึงพอใจและแนวทางในการปรับปรุงให้โครงการพัฒนาชุมชนนั้นมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

Community perception survey

การสอบทานคุณภาพ

บริษัทฯ ได้นำระบบการสอบทานคุณภาพ (Quality Assurance Review) มาใช้ในการดำเนินงานด้านการพัฒนาชุมชน โดยกำหนดให้พนักงานที่่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับงานการพัฒนาชุมชนเป็นผู้ดำเนินการสอบทานการดำเนินงาน เพื่อความโปร่งใสและมีประสิทธิผลสูงสุด ซึ่งการสำรวจจะดำเนินการเป็นประจำทุกปีและนำผลลัพธ์ที่ได้จากกระบวนการสอบทานคุณภาพมาปรับปรุงการดำเนินงานพัฒนาชุมชนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

การประกันคุณภาพข้อมูลการมีส่วนร่วมของชุมชน

บริษัทฯ ได้นำระบบการประกันคุณภาพข้อมูลการมีส่วนร่วมของชุมชน (Community Engagement Data Assurance) มาใช้ในการดำเนินงาน เพื่อให้บริษัทฯ สามารถตรวจสอบและยืนยันได้ว่าข้อมูลที่เก็บรวบรวม มีความถูกต้อง สะท้อนถึงความต้องการและความกังวลที่แท้จริงของชุมชน ทำให้บริษัทฯ ตัดสินใจดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังทำให้การเปิดเผยข้อมูลมีความโปร่งใสและสร้างความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้เสีย ช่วยป้องกันการรายงานข้อมูลที่ผิดพลาด อันส่งผลให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างยั่งยืนและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชนในระยะยาว


Performance Overview

ในปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้จัดการประชุมร่วมกับชุมชนท้องถิ่นรวมทั้งสิ้น 49 ครั้ง ซึ่งประกอบด้วย การประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาชุมชนกับหมู่บ้านในอินโดนีเซียจำนวน 5 ครั้ง การประชุมคณะอนุกรรมการระดับกลุ่มเหมืองในออสเตรเลียจำนวน13 ครั้ง การประชุมร่วมกับหอการค้า สมาคมเจ้าของที่อยู่อาศัย และองค์กรภาคประชาสังคมในสหรัฐอเมริกาจำนวน 30 ครั้ง และการประชุมร่วมกับผู้แทนชุมชนในมองโกเลียจำนวน 1 ครั้ง บริษัทฯ มุ่งเน้นกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนในทุกขั้นตอนการดำเนินงาน และได้นำข้อคิดเห็นจากการประชุมดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ในการวางแผนกลยุทธ์การทำงานร่วมกับชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืนต่อไป

นอกจากนี้ ทุกหน่วยธุรกิจของบริษัทฯ ได้นำมาตรฐานการบริหารจัดการข้อร้องเรียนจากชุมชน (Community Complaint Management Standard) มาใช้เป็นแนวทางการจัดการข้อร้องเรียนที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งมาตรฐานนี้มีความครอบคลุม ถึงกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียในการดำเนินงาน รวมทั้งชนเผ่าพื้นเมืองในพื้นที่ (Indigenous Peoples) และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากกิจกรรมการย้ายถิ่นฐาน (Resettlement) อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ไม่ได้รับรายงานประเด็นข้อร้องเรียนที่มีนัยสำคัญจากชุมชนในทุกหน่วยธุรกิจ บริษัทฯ ยึดมั่นในการบริหารจัดการข้อร้องเรียนอย่างโปร่งใสและเป็นธรรมโดยได้รายงานผลการบริหารจัดการข้อร้องเรียนจากชุมชนแก่คณะกรรมการความยั่งยืน และคณะกรรมการ ESG ของบริษัทฯ อย่างสม่ำเสมอ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินการสำรวจความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้เสียต่อโครงการพัฒนาชุมชนที่เหมืองจำนวน 5 แห่งในอินโดนีเซีย ครอบคลุมทั้งสิ้น 16 โครงการ โดยมีความพึงพอใจเฉลี่ยร้อยละ 88.66 หรืออยู่ในระดับ “พึงพอใจมาก” สำหรับเหมืองอื่นๆ จะดำเนินการตามแผนงานในปีต่อไป บริษัทฯ ได้นำหลักการประเมินผลตอบแทนทางสังคม (SROI) มาใช้เพื่อวัดประสิทธิผลของโครงการเพื่อสังคม รวมถึงการปรับปรุงการดำเนินโครงการในหน่วยธุรกิจต่าง ๆ โดยในปี 2567 อินโดนีเซียได้ประเมินผลตอบแทนทางสังคมของโครงการพัฒนาชุมชนรวมจำนวนทั้งสิ้น 12 โครงการครอบคลุมพื้นที่ 4 เหมือง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้นำเครื่องมือวัดความยั่งยืนของโครงการเพื่อพัฒนาชุมชน (Maturity Measurement) มาใช้ โดยพิจารณาความยั่งยืนใน 6 มิติ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลง ความครอบคลุม การบริหารจัดการ การให้ความร่วมมือ ความสามารถในการสร้างผลกระทบเชิงบวกและความยั่งยืนของโครงการ โดยในปี 2567 บริษัทฯ ได้คัดเลือกโครงการพัฒนาชุมชนและดำเนินการวัดความยั่งยืน ของการดำเนินการในอินโดนีเซียครอบคลุมพื้นที่ร้อยละ 80

อนึ่ง บริษัทฯ กำลังเตรียมตัวเข้าสู่กระบวนการประกันคุณภาพข้อมูล (Data Assurance) ด้านการมีส่วนร่วมของชุมชนโดยการปรับมาตรฐานการจัดการให้สอดคล้องในทุกหน่วยธุรกิจ บริษัทฯ ร่วมมือกับทุกหน่วยธุรกิจอย่างใกล้ชิดเพื่อให้แน่ใจว่าทุกแห่งมีความพร้อมสำหรับกระบวนการประกันคุณภาพข้อมูลนี้ การเตรียมการนี้รวมถึงการทบทวนและปรับปรุงวิธีการเก็บข้อมูลการวิเคราะห์ และการรายงาน รวมถึงการทำให้มั่นใจว่าผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมดได้รับการสร้างการมีส่วนร่วมบนพื้นฐานของความโปร่งใสและการมีจริยธรรม บริษัทฯ ตั้งใจที่จะแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมกับชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพและมีความรับผิดชอบ

สร้างเสริมพลังชุมชนผ่านการมีส่วนร่วมอย่างอย่างมีคุณค่า

หัวใจสำคัญของการริเริ่มด้านการมีส่วนร่วมกับชุมชนของเราคือความมุ่งมั่นในการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนและสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในหลายมิติ โครงการเพื่อชุมชนต่าง ๆ ของเราได้รับการออกแบบมาเพื่อยกระดับชุมชนผ่านการดำเนินการที่เจาะจง มีเป้าหมายในการส่งมอบประโยชน์ทางสังคมที่สามารถจับต้องได้ใน 6 ด้านสำคัญ ได้แก่ การพัฒนาเศรษฐกิจและการสร้างรายได้ การพัฒนาการศึกษา การพัฒนาสุขอนามัยและสาธารณสุขมูลฐาน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การส่งเสริมสังคมและวัฒนธรรม และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

เรามุ่งมั่นในการเสริมสร้างศักยภาพให้กับชุมชนผ่านการออกแบบโครงการที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ โครงการของเรามีเป้าหมายเพื่อตอบสนองความต้องการทางสังคม ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของคนในท้องถิ่น สร้างคุณค่าร่วมกัน และผลักดันประโยชน์ร่วมระหว่างทุกฝ่าย ความพยายามเหล่านี้สนับสนุนการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนและครอบคลุม

ผลลัพธ์ทางสังคม

การสร้างคุณค่าร่วมกัน (Creating Shared Value : CSV)

บ้านปูเชื่อว่าการแก้ไขปัญหาทางสังคมไม่ใช่เพียงสิ่งที่ควรทำเท่านั้น แต่ยังเป็นแนวทางที่ชาญฉลาดในการดำเนินธุรกิจอีกด้วย ดังนั้น เราจึงนำแนวคิด “การสร้างคุณค่าร่วม” หรือ CSV มาใช้ ซึ่งแนวคิดนี้เป็นแนวทางเชิงกลยุทธ์ที่ผสานเป้าหมายทางธุรกิจกับความต้องการของชุมชนไว้ด้วยกัน CSV เป็นการมุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ส่งมอบประโยชน์ให้กับสังคมควบคู่กับการขับเคลื่อนนวัตกรรม การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และสนับสนุนการเติบโตในระยะยาวของบริษัท

เราสร้างคุณค่าร่วมกัน อย่างไร

  • เรารับฟัง – เราทำงานกับชุมชนอย่างใกล้ชิด เพื่อเข้าใจความต้องการและลำดับความสำคัญความต้องการของคนในชุมชน
  • เราลงมือทำ – เราพัฒนาโครงการที่สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิต และเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศน์ในท้องถิ่น
  • เราเติบโตไปพร้อมกัน – เราร่วมกันสร้างรูปแบบที่สามารถขยายผลได้จริง ทั้งในเชิงสังคมและเชิงธุรกิจ

นี่คือพลังของการสร้างคุณค่าร่วมที่เรากำลังร่วมกันขับเคลื่อนวงจรแห่งการเจริญเติบโต ที่ซึ่งทุกภาคส่วนจะได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึงทุกคน


โครงการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ของเหมืองโจร่ง

จากผลการทำแผนที่ทางสังคมในหมู่บ้าน Kajang Rejo พบว่า วัวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ชาวบ้านนิยมเลี้ยงมากที่สุด ด้วยเหตุนี้ มูลวัวจึงมีอยู่มากในพื้นที่ แต่ในอดีตยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ส่งผลให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมจากการจัดการของเสียที่ไม่เหมาะสมและกลิ่นไม่พึงประสงค์ อย่างไรก็ตาม เรามองเห็นโอกาสจากปัญหานี้ และได้ริเริ่มแนวทางที่ยั่งยืนเพื่อจัดการกับทั้งปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจในชุมชน

โดยความร่วมมือกับคณะกรรมการที่ปรึกษาชุมชน โครงการผลิตปุ๋ยอินทรีย์บอกาซิ (Bokashi Organic Fertilizer Production) ได้เริ่มต้นขึ้นในปี 2010 โดยมี กลุ่มเกษตรกร Sumber Makmur ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 13 คน เป็นผู้บริหารจัดการหลัก สมาชิกกลุ่มมีบทบาทในการดำเนินงานประจำวัน โดยนำของเสียทางการเกษตรมาแปรรูปเป็นปุ๋ยอินทรีย์

นอกจากนี้ยังได้จ้างงานคนในชุมชนจำนวน 30 คน จึงเป็นการสร้างรายได้ให้กับสมาชิกในชุมชนพร้อมกับการส่งเสริมสิ่งแวดล้อมที่สะอาดและดีต่อสุขภาพมากขึ้น ณ ปี 2024 กลุ่มเกษตรกรได้ผลิตปุ๋ยอินทรีย์รวมทั้งสิ้น 1,063 ตัน และสร้างรายได้รวม 214,594 เหรียญสหรัฐอเมริกา สำหรับแผนในอนาคต กลุ่มมีเป้าหมายที่จะจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ชุมชน เพื่อถ่ายทอดทักษะและความรู้ด้านการเกษตรให้กับคนในพื้นที่ โดยมุ่งเน้นการพัฒนา ระบบเกษตรแบบผสมผสาน (Integrated Farming System) เพื่อความยั่งยืนในระยะยาว

วิธีการดำเนินงาน

  • ชุมชนท้องถิ่นมีบทบาทในการรวบรวมมูลวัวและนำมาผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูง
  • จากนั้นปุ๋ยอินทรีย์จะถูกขายให้กับบริษัทของเรา เพื่อนำไปใช้ในโครงการฟื้นฟูพื้นที่และการปลูกป่า เช่น การเพาะกล้าไม้จำนวน 1 ล้านต้น และการปลูกต้นไม้ 750,000 ต้นในพื้นที่ฟื้นฟู
  • การจัดหาวัตถุดิบจากชุมชนท้องถิ่นช่วยลดต้นทุนการขนส่งระยะไกล ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และทำให้สามารถจัดซื้อวัตถุดิบได้ในปริมาณมากขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ

คุณค่าร่วมที่เกิดขึ้นจริง

  • ชุมชนมีแหล่งรายได้ใหม่จากการผลิตปุ๋ยอินทรีย์
  • หมู่บ้านสะอาดขึ้น มีสุขภาพดีขึ้น และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
  • ธุรกิจสามารถลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ สนับสนุนห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้มีส่วนได้เสียในท้องถิ่น


การประเมินผลตอบแทนทางสังคม

การประเมินผลตอบแทนทางสังคม (SROI)

บริษัทฯ ใช้กรอบการประเมินผลตอบแทนทางสังคม หรือ SROI เป็นเครื่องมือในการวัดผลกระทบเชิงสังคมครอบคลุมโครงการพัฒนาชุมชน 12 โครงการในพื้นที่เหมือง 4 แห่ง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังใช้การวัดระดับความยั่งยืน (Maturity measurement) เพื่อประเมินความยั่งยืนของโครงการการมีส่วนร่วมของชุมชนใน 6 มิติ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลง การมีส่วนร่วม การบริหารจัดการ ความร่วมมือ การมีอิทธิพลต่อการเปบี่ยนแปลง และความยั่งยืน ทั้งนี้ มิติทั้ง 6 ด้านดังกล่าวครอบคลุมการดำเนินงานของเหมืองในอินโดนีเซียทั้งหมด ในปี 2567 การประเมินผลตอบแทนทางสังคมได้ถูกนำมาใช้ในประเทศอินโดนีเซีย 80% จากจำนวนเหมืองทั้งหมด

ตัวอย่างการประเมินผลตอบแทนทางสังคมในโครงการพัฒนาชุมชน


Corporate framework on social impact measurement

ระบบการจัดการข้อมูลการมีส่วนร่วมของชุมชน (CEMS)

CEMS คือระบบการจัดการข้อมูลผลกระทบทางสังคมที่เกิดจากโครงการการมีส่วนร่วมของชุมชนต่างๆ ของบริษัท ระบบนี้ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้การจัดการข้อมูลขององค์กรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผู้ใช้งานสามารถจัดเก็บ เรียกใช้ และจัดการข้อมูลสำคัญด้านผลกระทบทางสังคมที่เกิดจากโครงการการมีส่วนร่วมได้อย่างสะดวกในฐานข้อมูลที่จัดเก็บไว้ส่วนกลาง ระบบนี้ช่วยให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ส่งเสริมการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ และการตัดสินใจที่มีข้อมูลรองรับ เพื่อนำไปสื่อสารกับผู้มีส่วนได้เสียต่อไป

ปัจจุบัน ระบบ CEMS ถูกนำมาใช้ในหลายหน่วยธุรกิจที่ดำเนินโครงการด้านการมีส่วนร่วมกับชุมชน โดยสนับสนุนให้เกิดความสอดคล้องในการดำเนินงาน ความโปร่งใสของข้อมูล และการวัดผลกระทบทางสังคมที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วทั้งองค์กร

สัดส่วนของกิจกรรมการมีส่วนร่วมกับชุมชน ประจำปี 2567 แยกตามประเภทโครงการ As of May 20, 2025

ภาพรวมผลการดำเนินงานทางสังคม

2564

2565

2566

2567


กิจกรรมชุมชนสัมพันธ์

Highlight

การสนับสนุนด้านการศึกษาของ BKV โครงการส่งเสริมรายได้ในสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม การเสริมพลังชุมชนผ่านโครงการส่งเสริมทักษะคอมพิวเตอร์ที่ LPK Media Citra Mandiri โครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา: การพัฒนาการศึกษาให้เท่าเทียมและทั่วถึง

อินโดนีเซีย

จีน

ออสเตรเลีย

มองโกเลีย

เวียดนาม

สหรัฐอเมริกา


เสียงสะท้อนจากชุมชน 2024

2024IndonesiaBEKmineTH
2024 Indonesia, GPK mine TH
2024 Australia TH
2024 China TH
2024 Indonesia, IMM mine TH
2024 Mongolia TH
previous arrow
next arrow

เสียงสะท้อนจากชุมชน 2023

01
Banpu_CE_Testimonial_Indonesia_TH
02
03
04
Banpu_CE_Testimonial_China_TH
Banpu_CE_Testimonial_USA_TH
previous arrow
next arrow

มาตรฐานการดำเนินงานการมีส่วนร่วมกับชุมชน

นโยบายการมีส่วนร่วมของชุมชน

 การจัดการข้อร้องเรียนของชุมชน
 การจัดการการโยกย้ายถิ่นฐาน
 การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย
 การดำเนินงานคณะกรรมการที่ปรึกษาชุมชน
 การดำเนินงานการมีส่วนร่วมกับชนเผ่าพื้นเมือง
 กิจกรรมชุมชนสัมพันธ์
 การสำรวจการรับรู้ของชุมชน
 แนวทางการวัดผลกระทบทางสังคม
 การประเมินผลกระทบทางสังคม

© 2025 บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) | Banpu Public Company Limited. All rights reserved.