การมีส่วนร่วมของชุมชน
ความสำคัญ
ดาวน์โหลดนโยบายการมีส่วนร่วมของชุมชน (PDF)
ความสำคัญและความมุ่งมั่นขององค์กร
ความสำคัญและความมุ่งมั่นขององค์กร
บ้านปูมุ่งสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนและความไว้วางใจโดยการมีส่วนร่วมเชิงรุกกับชุมชนอย่างแข็งขัน ภายใต้แนวทางของนโยบายการมีส่วนร่วมของชุมชนและนโยบายการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม ผ่านการสนับสนุนโครงการที่เสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีและความยั่งยืนของชุมชนและสังคมทั้งในองค์กรและนอกเหนือจากการดำเนินธุรกิจ
บ้านปูมุ่งมั่นในการปฏิบัติดังต่อไปนี้:
ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน
ส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
มุ่งเน้นประโยชน์ส่วนรวมและสร้างคุณค่าร่วม
เสริมสร้างวัฒนธรรมแห่งความโปร่งใสและตรวจสอบได้
สนับสนุนการมีส่วนร่วมของพนักงาน
Community Engagement Policy
Corporate Philanthropy Policy
แนวทางการบริหารจัดการ
บ้านปูดำเนินธุรกิจด้วยหลัก ESG เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางธุรกิจกับการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนได้เสีย โดยประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมก่อนเริ่มพัฒนาโครงการ และในกรณีมีการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการดำเนินโครงการ พร้อมทั้งสื่อสารผลการประเมินให้ชุมชนรับทราบเพื่อให้มั่นใจว่าชุมชนได้มีส่วนเริ่มตั้งแต่ระยะเริ่มต้น นอกจากนี้ บริษัทฯ กำหนดมาตรฐานการบริหารจัดการข้อร้องเรียนและรายงานผลต่อคณะกรรมการพัฒนาที่ยั่งยืนและคณะกรรมการ ESG อย่างสม่ำเสมอเพื่อการกำกับดูแลและตรวจสอบ
บริษัทฯ จัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาชุมชน (Community Consultative Committee: CCC) ที่ประกอบด้วยตัวแทนจากชุมชนรวมทั้งกลุ่มเปราะบาง ภาครัฐ และบริษัทฯ นอกจากนี้ หน่วยงานชุมชนสัมพันธ์ในแต่ละหน่วยธุรกิจรับผิดชอบการมีส่วนร่วมของชุมชนอย่างใกล้ชิดและมีแนวทางที่เหมาะสมกับบริบทของชุมชนท้องถิ่น เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการพัฒนาชุมชนทั้งหมดเป็นประโยชน์ต่อชุมชนอย่างแท้จริง
Stakeholder engagement manual
การปฏิบัติงานด้านพัฒนาชุมชน
บริษัทฯ ได้กำหนดมาตรฐานการปฏิบัติงานด้านการพัฒนาชุมชน (Standard Practice Manual: Community
Engagement) ที่ครอบคลุมแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนและการลดผลกระทบต่อสังคมและชุมชน ซึ่งทำให้ผู้ปฏิบัติงานด้านการพัฒนาชุมชนมีแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจน และเป็นมาตรฐานเดียวกันในทุกพื้นที่
นอกจากนี้ได้มีการทบทวนมาตรฐานการปฏิบัติงานเป็นระยะ เพื่อให้มีความทันสมัยและเหมาะสมกับสภาวะต่างๆ ที่เปลี่ยนไป
Community engagement work
การนำผลจากการประเมินผลกระทบทางสังคมมาปฏิบัติ
บริษัทฯ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้น กับชุมชนจึงได้กำหนดให้จัดทำการประเมินผลกระทบทาง
สังคม (Social Impact Assessment) ในทุกหน่วยธุรกิจ ตั้งแต่ก่อนเริ่มโครงการ ข้อมูลที่ได้รับจากการประเมิน
จะถูกนำมาออกแบบกิจกรรมที่ตอบสนองต่อความต้องการของชุมชนโดยคำนึงถึงการลดหรือหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อชุมชนเป็นหลัก รวมถึงเปรียบเทียบการคลี่คลายผลกระทบก่อนที่จะออกจากพื้นที่ปฏิบัติการเมื่อสิ้นสุดสัญญา อนึ่ง หากมีการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดโครงการ ระหว่างดำเนินการ บริษัทฯ ได้กำหนดให้มีการประเมินผลกระทบทางสังคมใหม่อีกครั้งโดยพิจารณาความสอดคล้องกับกิจกรรมการผลิตที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไป
Social impact assessment
การประเมินผลกระทบด้านสังคม
บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับผลกระทบที่อาจจะเกิดกับชุมชน จึงกำหนดให้หน่วยธุรกิจจัดทำการประเมินผลกระทบทางสังคม หรือ Social Impact Assessment (SIA) ในทุกหน่วยธุรกิจก่อนเริ่มดำเนินโครงการ โดยข้อมูลที่ได้รับจากการประเมินจะนำไปออกแบบกิจกรรมที่สามารถตอบสนองความต้องการของชุมชนโดยการลดหรือหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อชุมชนเป็นหลัก รวมถึงเปรียบเทียบผลจากการบรรเทาผลกระทบก่อนการสิ้นสุดสัมปทาน นอกจากนี้หากมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการที่มีนัยสำคัญในระหว่างดำเนินการ บริษัทฯ ได้กำหนดให้มีการประเมินผลกระทบทางสังคมใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับกิจกรรมที่ถูกปรับเปลี่ยนไป
ธุรกิจ
สถานะ
จำนวนหน่วยธุรกิจ
ทั้งหมด
ได้รับการประเมิน
ผลกระทบด้านสังคม
เปิดเผยผลการประเมิน
ธุรกิจเหมือง – อินโดนีเซีย
เปิดดำเนินการ
5
5
5
อยู่ระหว่างการพัฒนา
3
3
NA
ธุรกิจเหมือง – ออสเตรเลีย
เปิดดำเนินการ
5
5
5
อยู่ระหว่างการพัฒนา
2
2
2
ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน – จีน
เปิดดำเนินการ
7
NA
NA
อยู่ระหว่างการพัฒนา
NA
NA
NA
ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน – ออสเตรเลีย
เปิดดำเนินการ
2
2
2
อยู่ระหว่างการพัฒนา
NA
NA
NA
ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน – เวียดนาม
เปิดดำเนินการ
2
2
2
อยู่ระหว่างการพัฒนา
3
NA
NA
หมายเหตุ:
NA = Not required to conduct SIA
เปิดเผยผลการประเมิน
การเก็บข้อมูลพื้นฐานชุมชน
บริษัทฯ ได้กำหนดให้เก็บข้อมูลพื้นฐานชุมชนในช่วงการดำเนินธุรกิจระยะต้น และปรับปรุงให้เป็นปัจจุบันเป็นระยะ เพื่อที่จะศึกษาและทำความเข้าใจสภาพแวดล้อม วิถีชีวิต และความเป็นอยู่ของชุมชนได้อย่างดีขึ้น (Community Baseline Data Collection) จากนั้นจะทำการปรึกษาหารือกับชุมชน (Community Consultation) ผ่านคณะกรรมการที่ปรึกษาชุมชน (Community Consultative Committee: CCC) เพื่อจัดทำแผนงานการพัฒนาชุมชนเฉพาะพื้นที่ตามความต้องการของชุมชน พร้อมทั้งบรรลุเป้าหมายที่ส่งเสริมผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย
การสร้างความร่วมมือท้องถิ่น
บริษัทฯ ส่งเสริมความร่วมมือกับผู้รับเหมาในการทำงานด้านพัฒนาชุมชน (Contractor Cooperation in Community Engagement Work) ซึ่งอาจมีผู้รับเหมาของบริษัทฯ หลายรายที่ทำงานพัฒนาชุมชนควบคู่ไปด้วย บริษัทฯ จึงได้ประสานความร่วมมือเพื่อดำเนินโครงการพัฒนาชุมชนร่วมกันตั้งแต่การวางแผน การจัดสรรงบประมาณ การจัดสรรบุคลากร การแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และข้อมูลข่าวสาร ซึ่งสามารถทำให้การดำเนินโครงการพัฒนาชุมชนมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมผู้ได้รับประโยชน์มากขึ้น และลดความซ้ำซ้อนของการบริหารจัดการโครงการพัฒนาชุมชนในพื้นที่
การบริหารจัดการข้อร้องเรียนชุมชน
บริษัทฯ ได้กำหนดมาตรฐานการบริหารจัดการข้อร้องเรียนจากชุมชนและมีผู้มีส่วนได้เสีย (Community complaint management) ในทุกหน่วยธุรกิจให้สามารถบริหารจัดการข้อร้องเรียนที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างมีระบบ โดยแนวทางการดำเนินงานนี้ได้ครอบคลุมถึงการร้องเรียนของชนเผ่าพื้นเมืองในพื้นที่ (Indigenous peoples management) ชุมชนท้องถิ่น รวมถึงกรณีการโยกย้ายถิ่นฐานหากไม่สามารถหลีกได้ (Resettlement management) ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดให้มีการรายงานผลการบริหารจัดการข้อร้องเรียนที่ได้รับจากชุมชนแก่คณะกรรมการความยั่งยืนและคณะกรรมการ ESG ของบริษัทฯ อย่างสม่ำเสมอ
การจัดการข้อร้องเรียนของชุมชนเป็นกระบวนที่ช่วยให้คนในชุมชนสามารถแสดงความกังวลของตนได้ การจัดการกับข้อร้องเรียนจึงเป็นสิ่งสำคัญในการแสดงความรับผิดชอบต่อชุมชนที่เราสนับสนุนการพัฒนาและเป็นส่วนหนึ่งของบริบทด้านมนุษยธรรม นอกจากนี้ยังช่วยยกระดับการจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCM) ของเราโดยการลดความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น และจะเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เช่นกัน
Community complaint
management manual
การสอบทานคุณภาพ
บริษัทฯ ได้นำระบบการสอบทานคุณภาพ (Quality Assurance Review) โดยให้พนักงานที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับงานการพัฒนาชุมชน มาดำเนินการตรวจสอบการดำเนินงาน เพื่อความโปร่งใสและมีประสิทธิผลสูงสุด ซึ่งการสำรวจจะดำเนินการเป็นประจำทุกปี และทำให้ทราบแนวทางในการปรับปรุงการดำเนินงานพัฒนาชุมชนให้มีประสิทธิภาพต่อไป
การจัดการข้อร้องเรียนในออสเตรเลีย
ในปี 2563 เหมืองแมนดาลองในออสเตรเลียได้ขยายโครงสร้างพื้นฐานโดยการสร้าง “Mandalong South Surface Site” ซึ่งรวมถึงการติดตั้งพัดลมระบายอากาสสำหรับการทำเหมืองใต้ดิน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้รับรายงานจากคนในชุมชนเกี่ยวกับเสียงรบกวนที่เกิดจากพัดลมเหล่านี้ หลังได้รับรายงาน บริษัทฯ ได้จัดการข้อร้องเรียนตามมาตรฐานการจัดการข้อร้องเรียนที่ประกอบด้วยการสื่อสารกับผู้ร้องเรียน การปรึกษากับคณะกรรมการที่ปรึกษาชุมชน และการรายงานปัญหาต่อหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง
จากการปรึกษากับทุกภาคส่วน บริษัทฯ ดำเนินการแก้ไขโดยการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพัดลม เพื่อลดเสียงรบกวน การปรับปรุงดังกล่าวดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนตุลาคม 2566 และพบว่ามีระดับเสียงรบกวนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยปัจจุบันบริษัทฯ ไม่ได้รับข้อร้องเรียนเพิ่มเติมในประเด็นปัญหานี้
การส่งเสริมการมีส่วนร่วมชุมชน
บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชน ตั้งแต่ก่อนเริ่มโครงการ ระหว่างพัฒนาโครงการ และระยะสิ้นสุดโครงการ โดยเน้นให้สมาชิกในชุมชนได้มีส่วนร่วมในการออกแบบกิจกรรมพัฒนาชุมชน ดำเนินกิจกรรมและตรวจสอบการดำเนินงาน รวมทั้งการประเมินผล เช่น การจัดทำแผนพัฒนาชุมชนที่ตรงตามความต้องการของชุมชน และสอดคล้องกับแผนการพัฒนาของภาครัฐ เป็นต้น โดยบริษัทฯ ได้ร่วมกับชุมชนจัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาการพัฒนาชุมชน (Community Consultative Committee: CCC) ที่ประกอบด้วยตัวแทนจากชุมชน รัฐบาลในท้องถิ่น และบริษัทฯ เพื่อร่วมกันวางแผนดำเนินงานแต่ละโครงการ ติดตามความก้าวหน้า และร่วมกันแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของสังคมส่วนรวม
บริษัทฯ ส่งเสริมการร่วมมือกับผู้รับเหมาในการทำงานด้านพัฒนาชุมชน ซึ่งมีผู้รับเหมาของบริษัทฯ หลายรายที่ทำงานพัฒนาชุมชนควบคู่ไปด้วย บริษัทฯ จึงได้ประสานความร่วมมือ เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาชุมชนร่วมกัน ตั้งแต่การวางแผน การจัดสรรงบประมาณ การจัดสรรบุคลากร การแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และข้อมูลข่าวสาร ซึ่งสามารถทำให้การดำเนินโครงการพัฒนาชุมชน มีประสิทธิภาพมากขึ้น ครอบคลุมผู้ได้รับประโยชน์มากขึ้น และลดการซ้ำซ้อนของการบริหารจัดการโครงการพัฒนาชุมชนในพื้นที่
การประเมินการรับรู้และความพึงพอใจของชุมชน
บริษัทฯ กำหนดให้นำการสำรวจการรับรู้ของชุมชน (Community Perception Survey) มาใช้เป็นมาตรฐานเดียวกันในทุกพื้นที่ทำงาน เพื่อสำรวจระดับการรับรู้และการยอมรับจากชุมชน ประเด็นข้อกังวลของชุมชน รวมถึงข้อเสนอแนะจากชุมชน โดยบริษัทฯ จะนำผลที่ได้จากการสำรวจมาปรับปรุงการดำเนินงาน เพื่อให้เกิดประโยชน์และความพึงพอใจของชุมชนโดยรวม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้นำการสำรวจความพึงพอใจของชุมชนที่มีต่อโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต (Community Satisfaction Survey on Community Engagement Program) มาใช้ในส่วนงานพัฒนาชุมชนของบริษัทฯ ในอินโดนีเซีย ซึ่งได้จัดทำ การสำรวจเป็นประจำทุกปี ทำให้บริษัทฯ ได้ทราบประเด็นความพึงพอใจและแนวทางในการปรับปรุงให้โครงการพัฒนาชุมชนนั้นมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
Community perception survey
การสอบทานคุณภาพ
บริษัทฯ ได้นำระบบการสอบทานคุณภาพ (Quality Assurance Review) มาใช้ในการดำเนินงานด้านการพัฒนาชุมชน โดยกำหนดให้พนักงานที่่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับงานการพัฒนาชุมชนเป็นผู้ดำเนินการสอบทานการดำเนินงาน เพื่อความโปร่งใสและมีประสิทธิผลสูงสุด ซึ่งการสำรวจจะดำเนินการเป็นประจำทุกปีและนำผลลัพธ์ที่ได้จากกระบวนการสอบทานคุณภาพมาปรับปรุงการดำเนินงานพัฒนาชุมชนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
การประกันคุณภาพข้อมูลการมีส่วนร่วมของชุมชน
บริษัทฯ ได้นำระบบการประกันคุณภาพข้อมูลการมีส่วนร่วมของชุมชน (Community Engagement Data Assurance) มาใช้ในการดำเนินงาน เพื่อให้บริษัทฯ สามารถตรวจสอบและยืนยันได้ว่าข้อมูลที่เก็บรวบรวม มีความถูกต้อง สะท้อนถึงความต้องการและความกังวลที่แท้จริงของชุมชน ทำให้บริษัทฯ ตัดสินใจดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังทำให้การเปิดเผยข้อมูลมีความโปร่งใสและสร้างความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้เสีย ช่วยป้องกันการรายงานข้อมูลที่ผิดพลาด อันส่งผลให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างยั่งยืนและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชนในระยะยาว
Performance Overview
ในปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้จัดการประชุมร่วมกับชุมชนท้องถิ่นรวมทั้งสิ้น 49 ครั้ง ซึ่งประกอบด้วย การประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาชุมชนกับหมู่บ้านในอินโดนีเซียจำนวน 5 ครั้ง การประชุมคณะอนุกรรมการระดับกลุ่มเหมืองในออสเตรเลียจำนวน13 ครั้ง การประชุมร่วมกับหอการค้า สมาคมเจ้าของที่อยู่อาศัย และองค์กรภาคประชาสังคมในสหรัฐอเมริกาจำนวน 30 ครั้ง และการประชุมร่วมกับผู้แทนชุมชนในมองโกเลียจำนวน 1 ครั้ง บริษัทฯ มุ่งเน้นกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนในทุกขั้นตอนการดำเนินงาน และได้นำข้อคิดเห็นจากการประชุมดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ในการวางแผนกลยุทธ์การทำงานร่วมกับชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืนต่อไป
นอกจากนี้ ทุกหน่วยธุรกิจของบริษัทฯ ได้นำมาตรฐานการบริหารจัดการข้อร้องเรียนจากชุมชน (Community Complaint Management Standard) มาใช้เป็นแนวทางการจัดการข้อร้องเรียนที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งมาตรฐานนี้มีความครอบคลุม ถึงกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียในการดำเนินงาน รวมทั้งชนเผ่าพื้นเมืองในพื้นที่ (Indigenous Peoples) และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากกิจกรรมการย้ายถิ่นฐาน (Resettlement) อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ไม่ได้รับรายงานประเด็นข้อร้องเรียนที่มีนัยสำคัญจากชุมชนในทุกหน่วยธุรกิจ บริษัทฯ ยึดมั่นในการบริหารจัดการข้อร้องเรียนอย่างโปร่งใสและเป็นธรรมโดยได้รายงานผลการบริหารจัดการข้อร้องเรียนจากชุมชนแก่คณะกรรมการความยั่งยืน และคณะกรรมการ ESG ของบริษัทฯ อย่างสม่ำเสมอ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินการสำรวจความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้เสียต่อโครงการพัฒนาชุมชนที่เหมืองจำนวน 5 แห่งในอินโดนีเซีย ครอบคลุมทั้งสิ้น 16 โครงการ โดยมีความพึงพอใจเฉลี่ยร้อยละ 88.66 หรืออยู่ในระดับ “พึงพอใจมาก” สำหรับเหมืองอื่นๆ จะดำเนินการตามแผนงานในปีต่อไป บริษัทฯ ได้นำหลักการประเมินผลตอบแทนทางสังคม (SROI) มาใช้เพื่อวัดประสิทธิผลของโครงการเพื่อสังคม รวมถึงการปรับปรุงการดำเนินโครงการในหน่วยธุรกิจต่าง ๆ โดยในปี 2567 อินโดนีเซียได้ประเมินผลตอบแทนทางสังคมของโครงการพัฒนาชุมชนรวมจำนวนทั้งสิ้น 12 โครงการครอบคลุมพื้นที่ 4 เหมือง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้นำเครื่องมือวัดความยั่งยืนของโครงการเพื่อพัฒนาชุมชน (Maturity Measurement) มาใช้ โดยพิจารณาความยั่งยืนใน 6 มิติ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลง ความครอบคลุม การบริหารจัดการ การให้ความร่วมมือ ความสามารถในการสร้างผลกระทบเชิงบวกและความยั่งยืนของโครงการ โดยในปี 2567 บริษัทฯ ได้คัดเลือกโครงการพัฒนาชุมชนและดำเนินการวัดความยั่งยืน ของการดำเนินการในอินโดนีเซียครอบคลุมพื้นที่ร้อยละ 80
อนึ่ง บริษัทฯ กำลังเตรียมตัวเข้าสู่กระบวนการประกันคุณภาพข้อมูล (Data Assurance) ด้านการมีส่วนร่วมของชุมชนโดยการปรับมาตรฐานการจัดการให้สอดคล้องในทุกหน่วยธุรกิจ บริษัทฯ ร่วมมือกับทุกหน่วยธุรกิจอย่างใกล้ชิดเพื่อให้แน่ใจว่าทุกแห่งมีความพร้อมสำหรับกระบวนการประกันคุณภาพข้อมูลนี้ การเตรียมการนี้รวมถึงการทบทวนและปรับปรุงวิธีการเก็บข้อมูลการวิเคราะห์ และการรายงาน รวมถึงการทำให้มั่นใจว่าผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมดได้รับการสร้างการมีส่วนร่วมบนพื้นฐานของความโปร่งใสและการมีจริยธรรม บริษัทฯ ตั้งใจที่จะแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมกับชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพและมีความรับผิดชอบ
สร้างเสริมพลังชุมชนผ่านการมีส่วนร่วมอย่างอย่างมีคุณค่า
หัวใจสำคัญของการริเริ่มด้านการมีส่วนร่วมกับชุมชนของเราคือความมุ่งมั่นในการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนและสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในหลายมิติ โครงการเพื่อชุมชนต่าง ๆ ของเราได้รับการออกแบบมาเพื่อยกระดับชุมชนผ่านการดำเนินการที่เจาะจง มีเป้าหมายในการส่งมอบประโยชน์ทางสังคมที่สามารถจับต้องได้ใน 6 ด้านสำคัญ ได้แก่ การพัฒนาเศรษฐกิจและการสร้างรายได้ การพัฒนาการศึกษา การพัฒนาสุขอนามัยและสาธารณสุขมูลฐาน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การส่งเสริมสังคมและวัฒนธรรม และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
เรามุ่งมั่นในการเสริมสร้างศักยภาพให้กับชุมชนผ่านการออกแบบโครงการที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ โครงการของเรามีเป้าหมายเพื่อตอบสนองความต้องการทางสังคม ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของคนในท้องถิ่น สร้างคุณค่าร่วมกัน และผลักดันประโยชน์ร่วมระหว่างทุกฝ่าย ความพยายามเหล่านี้สนับสนุนการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนและครอบคลุม
ผลลัพธ์ทางสังคม
การสร้างคุณค่าร่วมกัน (Creating Shared Value : CSV)
บ้านปูเชื่อว่าการแก้ไขปัญหาทางสังคมไม่ใช่เพียงสิ่งที่ควรทำเท่านั้น แต่ยังเป็นแนวทางที่ชาญฉลาดในการดำเนินธุรกิจอีกด้วย ดังนั้น เราจึงนำแนวคิด “การสร้างคุณค่าร่วม” หรือ CSV มาใช้ ซึ่งแนวคิดนี้เป็นแนวทางเชิงกลยุทธ์ที่ผสานเป้าหมายทางธุรกิจกับความต้องการของชุมชนไว้ด้วยกัน CSV เป็นการมุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ส่งมอบประโยชน์ให้กับสังคมควบคู่กับการขับเคลื่อนนวัตกรรม การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และสนับสนุนการเติบโตในระยะยาวของบริษัท
เราสร้างคุณค่าร่วมกัน อย่างไร
เรารับฟัง – เราทำงานกับชุมชนอย่างใกล้ชิด เพื่อเข้าใจความต้องการและลำดับความสำคัญความต้องการของคนในชุมชน
เราลงมือทำ – เราพัฒนาโครงการที่สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิต และเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศน์ในท้องถิ่น
เราเติบโตไปพร้อมกัน – เราร่วมกันสร้างรูปแบบที่สามารถขยายผลได้จริง ทั้งในเชิงสังคมและเชิงธุรกิจ
นี่คือพลังของการสร้างคุณค่าร่วมที่เรากำลังร่วมกันขับเคลื่อนวงจรแห่งการเจริญเติบโต ที่ซึ่งทุกภาคส่วนจะได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึงทุกคน
โครงการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ของเหมืองโจร่ง
จากผลการทำแผนที่ทางสังคมในหมู่บ้าน Kajang Rejo พบว่า วัวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ชาวบ้านนิยมเลี้ยงมากที่สุด ด้วยเหตุนี้ มูลวัวจึงมีอยู่มากในพื้นที่ แต่ในอดีตยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ส่งผลให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมจากการจัดการของเสียที่ไม่เหมาะสมและกลิ่นไม่พึงประสงค์ อย่างไรก็ตาม เรามองเห็นโอกาสจากปัญหานี้ และได้ริเริ่มแนวทางที่ยั่งยืนเพื่อจัดการกับทั้งปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจในชุมชน
โดยความร่วมมือกับคณะกรรมการที่ปรึกษาชุมชน โครงการผลิตปุ๋ยอินทรีย์บอกาซิ (Bokashi Organic Fertilizer Production) ได้เริ่มต้นขึ้นในปี 2010 โดยมี กลุ่มเกษตรกร Sumber Makmur ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 13 คน เป็นผู้บริหารจัดการหลัก สมาชิกกลุ่มมีบทบาทในการดำเนินงานประจำวัน โดยนำของเสียทางการเกษตรมาแปรรูปเป็นปุ๋ยอินทรีย์
นอกจากนี้ยังได้จ้างงานคนในชุมชนจำนวน 30 คน จึงเป็นการสร้างรายได้ให้กับสมาชิกในชุมชนพร้อมกับการส่งเสริมสิ่งแวดล้อมที่สะอาดและดีต่อสุขภาพมากขึ้น ณ ปี 2024 กลุ่มเกษตรกรได้ผลิตปุ๋ยอินทรีย์รวมทั้งสิ้น 1,063 ตัน และสร้างรายได้รวม 214,594 เหรียญสหรัฐอเมริกา สำหรับแผนในอนาคต กลุ่มมีเป้าหมายที่จะจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ชุมชน เพื่อถ่ายทอดทักษะและความรู้ด้านการเกษตรให้กับคนในพื้นที่ โดยมุ่งเน้นการพัฒนา ระบบเกษตรแบบผสมผสาน (Integrated Farming System) เพื่อความยั่งยืนในระยะยาว
วิธีการดำเนินงาน
ชุมชนท้องถิ่นมีบทบาทในการรวบรวมมูลวัวและนำมาผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูง
จากนั้นปุ๋ยอินทรีย์จะถูกขายให้กับบริษัทของเรา เพื่อนำไปใช้ในโครงการฟื้นฟูพื้นที่และการปลูกป่า เช่น การเพาะกล้าไม้จำนวน 1 ล้านต้น และการปลูกต้นไม้ 750,000 ต้นในพื้นที่ฟื้นฟู
การจัดหาวัตถุดิบจากชุมชนท้องถิ่นช่วยลดต้นทุนการขนส่งระยะไกล ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และทำให้สามารถจัดซื้อวัตถุดิบได้ในปริมาณมากขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ
คุณค่าร่วมที่เกิดขึ้นจริง
ชุมชนมีแหล่งรายได้ใหม่จากการผลิตปุ๋ยอินทรีย์
หมู่บ้านสะอาดขึ้น มีสุขภาพดีขึ้น และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ธุรกิจสามารถลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ สนับสนุนห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้มีส่วนได้เสียในท้องถิ่น
การประเมินผลตอบแทนทางสังคม
การประเมินผลตอบแทนทางสังคม (SROI)
บริษัทฯ ใช้กรอบการประเมินผลตอบแทนทางสังคม หรือ SROI เป็นเครื่องมือในการวัดผลกระทบเชิงสังคมครอบคลุมโครงการพัฒนาชุมชน 12 โครงการในพื้นที่เหมือง 4 แห่ง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังใช้การวัดระดับความยั่งยืน (Maturity measurement) เพื่อประเมินความยั่งยืนของโครงการการมีส่วนร่วมของชุมชนใน 6 มิติ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลง การมีส่วนร่วม การบริหารจัดการ ความร่วมมือ การมีอิทธิพลต่อการเปบี่ยนแปลง และความยั่งยืน ทั้งนี้ มิติทั้ง 6 ด้านดังกล่าวครอบคลุมการดำเนินงานของเหมืองในอินโดนีเซียทั้งหมด ในปี 2567 การประเมินผลตอบแทนทางสังคมได้ถูกนำมาใช้ในประเทศอินโดนีเซีย 80% จากจำนวนเหมืองทั้งหมด
ตัวอย่างการประเมินผลตอบแทนทางสังคมในโครงการพัฒนาชุมชน
Corporate framework on social impact measurement
ระบบการจัดการข้อมูลการมีส่วนร่วมของชุมชน (CEMS)
CEMS คือระบบการจัดการข้อมูลผลกระทบทางสังคมที่เกิดจากโครงการการมีส่วนร่วมของชุมชนต่างๆ ของบริษัท ระบบนี้ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้การจัดการข้อมูลขององค์กรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผู้ใช้งานสามารถจัดเก็บ เรียกใช้ และจัดการข้อมูลสำคัญด้านผลกระทบทางสังคมที่เกิดจากโครงการการมีส่วนร่วมได้อย่างสะดวกในฐานข้อมูลที่จัดเก็บไว้ส่วนกลาง ระบบนี้ช่วยให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ส่งเสริมการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ และการตัดสินใจที่มีข้อมูลรองรับ เพื่อนำไปสื่อสารกับผู้มีส่วนได้เสียต่อไป
ปัจจุบัน ระบบ CEMS ถูกนำมาใช้ในหลายหน่วยธุรกิจที่ดำเนินโครงการด้านการมีส่วนร่วมกับชุมชน โดยสนับสนุนให้เกิดความสอดคล้องในการดำเนินงาน ความโปร่งใสของข้อมูล และการวัดผลกระทบทางสังคมที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วทั้งองค์กร
สัดส่วนของกิจกรรมการมีส่วนร่วมกับชุมชน ประจำปี 2567 แยกตามประเภทโครงการ As of May 20, 2025
ภาพรวมผลการดำเนินงานทางสังคม
2564
2565
2566
2567
กิจกรรมชุมชนสัมพันธ์
Highlight
การสนับสนุนด้านการศึกษาของ BKV
โครงการส่งเสริมรายได้ในสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
การเสริมพลังชุมชนผ่านโครงการส่งเสริมทักษะคอมพิวเตอร์ที่ LPK Media Citra Mandiri
โครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา: การพัฒนาการศึกษาให้เท่าเทียมและทั่วถึง
อินโดนีเซีย
โครงการสหกรณ์ชุมชน
เหมืองบารินโตในอินโดนีเซียได้สนับสนุนการจัดตั้งสหกรณ์ชุมชน เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนโดยได้ดำเนินการปลูกข้าวโพดลูกผสมในพื้นที่ 8 เฮกตาร์ และมีแผนการขยายพื้นที่เป็น 10 เฮกตาร์ เพื่อเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้น โครงการนี้มีสมาชิกทั้งสิ้น 22 คน โดยบริษัทฯ ได้จัดฝึกอบรมการจัดการสหกรณ์แก่สมาชิกและช่วยเหลือชุมชนในการจัดหาเงินทุนทางธุรกิจและสิ่งอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ ปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนเป็นสมาชิกสหกรณ์ แล้วจำนวน 74 คน ทั้งนี้โครงการสหกรณ์ชุมชน ได้รับรางวัลระดับเงิน ในการประกวดรางวัลโครงการเพื่อสังคมและการพัฒนาชนบทอย่างยั่งยืนในอินโดนีเซีย
จำนวนผู้ได้รับประโยชน์
74 คน
ประโยชน์ที่ชุมชนได้รับ
• ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนผ่านการดำเนินกิจการสหกรณ์ชุมชน
• ส่งเสริมการสร้างรายได้
• ส่งเสริมความสามารถของกลุ่มสตรี โดยการทำงานผ่านกลุ่มแม่บ้าน
โครงการฟาร์มเลี้ยงโค
เหมืองคิทาดิน-เอ็มบาลุต ดำเนินโครงการส่งเสริมการทำฟาร์มโคในหมู่บ้านจำนวน 4 แห่ง โดยปัจจุบัน มีกลุ่มเกษตรกรเลี้ยงโคจำนวน 7 กลุ่ม มีจำนวนโครวมทั้งสิ้น 300 ตัว โครงการส่งเสริมการทำฟาร์มโคนี้เริ่มขึ้นในปี 2552 ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาของจังหวัดกาลิมันตันตะวันออก ซึ่งมีเป้าหมายในการผลิตโคให้ได้ 2 ล้านตัว โครงการนี้ได้สร้างระบบการทำฟาร์มโคแบบครบวงจร นอกจากนี้มีการใช้มูลโคทำปุ๋ยชีวภาพในการฟื้นฟูสภาพดินเดิมที่ทำเหมืองให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกด้วย
จำนวนผู้ได้รับประโยชน์
45 คน
ประโยชน์ที่ชุมชนได้รับ
• ส่งเสริมการเพิ่มรายได้แก่ชุมชนท้องถิ่น
• ช่วยลดอัตราการว่างงานและส่งเสริมโอกาสการมีงานทำ
• พัฒนาคุณภาพของพื้นที่เกษตรกรรม
โครงการผลิตปุ๋ยอินทรีย์
โครงการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ด้วยความตระหนักถึงปัญหามูลโคของหมู่บ้าน Karangrejo เหมืองโจร่งจึงร่วมกับคณะกรรมการที่ปรึกษาของชุมชนดำเนินโครงการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ โดยสนับสนุนการฝึกอบรม การฝึกปฏิบัติ สถานที่ผลิตปุ๋ย รวมทั้งอุปกรณ์การผลิต ทั้งนี้ตั้งแต่ปี 2560 กลุ่มผู้ผลิตปุ๋ยอินทรีย์สามารถผลิตปุ๋ยได้จำนวน 1,065 ต้น คิดเป็นรายได้รวม 1,683,425,000 รูเปียห์ โดยโครงการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ได้ดำเนินการบริหารจัดการโดยกลุ่มเกษตรกร ผลการดำเนินโครงการทำให้ชุมชนได้รับประโยชน์หลายอย่าง เช่น การจัดการมูลโค การสนับสนุนให้ชุมชนมีรายได้ และในขณะเดียวกันทางบริษัทฯ ก็สามารถสนับสนุนชุมชนด้วยการจัดซื้อปุ๋ยมาใช้ในการฟื้นฟูพื้นที่หลังการทำเหมือง
จำนวนผู้ได้รับประโยชน์
52 คน
ประโยชน์ที่ชุมชนได้รับ
• เพิ่มรายได้แก่ชุมชน
• ปรับปรุงคุณภาพดินเพื่อการเกษตรกรรม
• เพิ่มความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อม
SROI
1 : 2.67
ศูนย์ฝึกอบรมการใช้คอมพิวเตอร์
เหมืองทรูบาอินโดได้ดำเนินโครงการพัฒนาชุมชนและนักเรียนด้วยการเพิ่มความรู้ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ โดยได้จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ชื่อว่า LPK Media Citra Mandiri ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับเรียนรู้เกี่ยวกับทักษะการใช้งานคอมพิวเตอร์ โครงการนี้ก่อตั้งในปี 2559 ปัจจุบันมีนักเรียนที่สำเร็จหลักสูตร ไปแล้วทั้งสิ้น 390 คน จากหลากหลายอาชีพ เช่น ครู นักเรียน ผู้ใช้แรงงาน และเจ้าหน้าที่ราชการ โครงการนี้ก่อให้เกิดประโยชน์แก่สมาชิกชุมชนอย่างชัดเจนซึ่งการมีทักษะทางคอมพิวเตอร์จะสามารถช่วยสร้างโอกาสในการมีงานทำ โครงการนี้้ได้รับรางวัลระดับเงิน ในการประกวดโครงการ CSR and Sustainable Rural Development (SRD) Award ซึ่งจัดโดย Ministry of Villages, Development of Disadvantaged Regions, and Transmigration ในอินโดนีเซีย
จำนวนผู้ได้รับประโยชน์
390 คน
ประโยชน์ที่ชุมชนได้รับ
• พัฒนาคุณภาพการศึกษา
• ส่งเสริมทักษะทางคอมพิวเตอร์แก่นักเรียนท้องถิ่น
• มีการจ้างแรงงานจำนวน 26 คน
โครงการฟื้นฟูป่าชายเลน
เหมืองอินโดมินโคตระหนักถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยได้ดำเนินการโครงการฟื้นฟูป่าชายเลน ตั้งแต่ปี 2555 ถึง 2565 ปัจจุบันได้ปลูกต้นไม้ป่าชายเลนรวม 130,000 ต้น ในพื้นที่ 72 เฮกตาร์ ซึงสนับสนุนเป้าหมาย SDGs ที่ 14 ในการส่งเสริมระบบนิเวศมหาสมุทร โดยสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนในการจัดหากล้าไม้ชายเลน และการปลูกต้นไม้ มีการสร้างที่พักเฝ้าระวังป่าชายเลน จากการดำเนินงานจนถึงปัจจุบัน ได้สร้างประโยชน์แก่สมาชิกในชุมชนท้องถิ่นจำนวน 2,618 คน โดยโครงการนี้ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลและสื่อมวลชน โดยได้รับรางวัล Propernas (รางวัลสีเขียว) รางวัลระดับเงิน จากกระทรวงความร่วมมือของอินโดนีเซีย และรางวัลระดับทอง จากการประกวดในโครงการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของอินโดนีเซีย (ISDA)
จำนวนผู้ได้รับประโยชน์
2,618 คน
ประโยชน์ที่ชุมชนได้รับ
• พัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนท้องถิ่น
• เพิ่มแนวป้องกันธรรมชาติเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภัยธรรมชาติ
• เพิ่มความตระหนักในการอนุรักษ์ป่าชายเลน
การสนับสนุนสตรีในอินโดนีเซีย
โครงการผ้าพิมพ์รักษ์สิ่งแวดล้อม Sasirangan ของเหมืองโจ-ร่งอินโดนีเซีย ได้ก่อตั้งขึ้นในปี 2562 โดยมุ่งเน้นในการสนับสนุนสตรีผ่านความร่วมมือกับคณะกรรมการที่ปรึกษาชุมชน ทั้งนี้มีกลุ่มสตรีจำนวน 2 กลุ่มที่ร่วมบริหารจัดการโครงการ ทำให้เพิ่มขีดความสามารถผ่านการแลกเปลี่ยนความรู้และการฝึกอบรมทักษระทางเทคนิค โดยเน้นการสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ผลิตภัณฑ์ของ Sasirangan มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยการใช้เทคนิคการพิมพ์ลายเชิงนิเวศน์ ซึ่งทำจากใบยูคาลิปตัสจากพื้นที่ฟื้นฟูของเหมืองโจ-ร่ง และในปี 2566 กลุ่มสตรีได้เริ่มผลิตสีย้อมผ้าเชิงนิเวศน์ และกลายเป็นพันธมิตรกับรัฐบาลในตลาดท้องถิ่น ทำให้เพิ่มโอกาสการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ
สถานที่
อินโดนีเซีย
ระยะเวลาโครงการ
5 ปี (2562-ปัจจุบัน)
ผลตอนแทนทางสังคม
1 : 2.05
การเสริมศักยภาพแรงงานท้องถิ่นในอินโดนีเซีย
เหมืองอินโดมินโคในอินโดนีเซีย ได้คาดการณ์สถารการณ์แรงงานท้องถิ่นมีแนวโน้มที่มีความต้องการสูงขึ้นในอนาคตเนื่องจากการสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่ จึงร่วมมือกับสมาคมช่างเชื่อมแห่งเมืองบอนตัง (Bontang Welder Association) ในการพัฒนาฝีมือแรงงานท้องถิ่นภายใต้โครงการฝึกอบรมการเชื่อมตามมาตรฐานอุตสาหกรรม มาตั้งแต่ปี 2562 ปัจจุบันมีผู้ผ่านการอบรมทั้งสิ้น 47 คน โดยมีอัตราการได้งานทำหลังการฝึกอบรมสูงถึงร้อยละ 75 ทั้งนี้ จากการดำเนินโครงการ มีผู้ผ่านการอบรม 24 คนที่ไดทำงานในฐานะผู้รับเหมากับอินโดมินโค
ในปี 2566 อินโดมินโคร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อปรับปรุงหลักสูตรการฝึกอบรมและขยายความครอบคลุมของผู้เข้ารับการฝึกอบรม ส่งผลให้มีผู้ได้รับเลือกและขยายความครอบคลุมของผู้เข้ารับการฝึกอบรม ส่งผลให้มีผู้ได้รับเลือกและอยู่ระหว่างการฝึกอบรมจำนวน 22 คน จาก 11 หมู่บ้าน โดยในจำนวนนี้มีผู้หญิง 5 คน โครงการนี้นอกเหนือจากการเสริมสร้างศักยภาพแรงงานท้องถิ่นแล้ว ยังส่งเสริมความหลากหลายทางเพศในสาขาวิชาชีพที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย นอกจากนี้ อินโดมินโคยังตั้งเป้าหมายที่จะจัดตั้งสมาคมศิษย์เก่าช่างเชื่อเพื่อส่งเสริมการแบ่งปันความรู้ และเพื่อความยั่งยืนของโครงการ
สถานที่
อินโดนีเซีย
ผู้ได้รับผลประโยชน์
คนท้องถิ่น 47 คน
ประโยชน์ที่บริษัทฯ ได้รับ
การจ้างงานคนท้องถิ่น 24 คน
ระยะเวลาโครงการ
5 ปี (2562-ปัจจุบัน)
ผลตอนแทนทางสังคม
1 : 3.40
การท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรมในอินโดนีเซีย
ในปี 2566 เหมืองเอ็มบาลุตในอินโดนีเซียได้ให้การสนับสนุนโครงการพัฒนาชุมชน 14 โครงการ โดยโครงการเหล่านี้มุ่งเน้นไปที่การท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรม เพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนของชุมชนท้องถิ่น ตัวอย่างโครงการ เช่น การพัฒนาสวนไม้ผล โรงเรือนปศุสัตว์ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรม บ่อเลี้ยงปลา และ จุดตกปลา เป็นต้น
การเสริมพลังชุมชนผ่านโครงการส่งเสริมทักษะคอมพิวเตอร์ที่ LPK Media Citra Mandiri
เหมืองทรูบาอินโด (Trubaindo) ได้ให้การสนับสนุน LPK Media Citra Mandiri ซึงเป็นศูนย์ฝึกอบรมคอมพิวเตอร์ให้แก่คนในชุมชนประจำหมู่บ้านปายัง โดยการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกและวิทยากรผู้สอน
ผู้สนใจทั่วไปในชุมชนสามารถเข้ารับการฝึกอบรมคอมพิวเตอร์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย นย์ฝึกอบรมเปิดสอนการใช้งานโปรแกรม Microsoft Word, Excel และ PowerPoint และโครงการนี้ก็ได้รับการตอบรับจากชุมชน
ในปี 2567, เหมืองทรูบาอินโด ได้บริจาคอุปกรณ์มโครออปติกและโปรเจคเตอร์เพื่อใช้ในการเรียนการสอน อนึ่ง ศูนย์ฝึกอบรมฯ ได้วางแผนที่จะเปิดหลักสูตรภาษาอังกฤษในอนาคตอันใกล้ อย่างไรก็ตามนับถึงสิ้นปี 2567 มีจำนวนผู้ที่ผ่านการอบมไปแล้วทั้งสิ้น 627 คน และปัจจุบันมี 19 คน ที่อยู่ระหว่างการฝึกอบรม สำหรับผู้ที่สำเร็จการศึกษาแล้วก็ได้สามารถใช้ความรู้ที่ได้รับไปทำงานในบริษัทเอกชนและหน่วยงานรัฐบาลท้องถิ่น เป็นต้น
และเพื่อวางแผนความยั่งยืนของโครงการนี้ ศูนย์ฝึกอบรมฯ ได้ร่วมมือกับสำนักงานเขตการศึกษาและวัฒนธรรมท้องถิ่นเพื่อทำการจดทะเบียนศูนย์ฝึกอบรมฯ นี้อย่างเป็นทางการต่อไป
สถานที่
อินโดนีเซีย
ผู้ได้รับผลประโยชน์
627 คน
ประโยชน์ที่บริษัทฯ ได้รับ
สร้างชื่อเสียงให้กับบริษัท และทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
ระยะเวลาโครงการ
พ.ศ. 2559-ปัจจุบัน
ผลกระทบต่อทุนธรรมชาติ ทุนทางสังคม และทุนมนุษย์
เสริมสร้างความร่วมมือและความไว้วางใจภายในชุมชน โดยการรวมพลังของชาวบ้านให้มีเป้าหมายด้านการศึกษาร่วมกัน
เพิ่มโอกาสในอาชีพให้กับผู้เข้าร่วมโครงการด้วยการเพิ่มทักษะด้านคอมพิวเตอร์ที่จำเป็น
จีน
โครงการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนพื้นที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
บริษัทฯ ได้ดำเนินโครงการพัฒนาชุมชนเพื่อส่งเสริมการสร้างความร่วมมือระหว่างบริษัทฯ กับชุมชนในพื้นที่โดยจากการปรึกษากับชุมชนพบว่าการพัฒนาโอกาสการจ้างงานในท้องถิ่นเป็นประเด็นหลักที่ชุมชนให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นการสร้างรายได้ให้ครอบครัว ดังนั้นบริษัทฯ จึงออกแบบโครงการพัฒนาชุมชนโดยการจ้างแรงงานท้องถิ่นมาทำงานภายในพื้นที่ของบริษัทฯ เพื่อช่่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นโดยลักษณะงานประกอบด้วย การกำจัดวัชพืช การทำความสะอาดแผงโซลาร์เซลล์ และขันน็อต อนึ่ง ผู้ปฏิบัติงานทุกคนจะได้รับการอบรมทักษะที่จำเป็นโดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยก่อนปฏิบัติหน้าที่
จำนวนผู้ได้รับประโยชน์
45 คน
ประโยชน์ที่ชุมชนได้รับ
• เพิ่มโอกาสในการมีงานทำและสร้างรายได้ให้ครอบครัว
• พัฒนาทักษะการทำงานให้กับชุมชน
• พัฒนาความสัมพันธ์กับชุมชน
โครงการพัฒนาชุมชนในประเทศจีน
โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศจีน จ้างคนในชุมชนมาเป็นแม่บ้านที่สำนักงาน ที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 5 แห่ง ประกอบด้วย Haoyuan, Deyuan, Jinshan, Huineng และ Huien.
โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ใน Jixin จ้างคนในชุมชนกำจัดวัชพืชและทำความสะอาดแผงโซลาร์เซลล์
โครงการส่งเสริมเศรษฐกิจในจีน
BIC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 7 แห่งในจีน มุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนและยกระดับคุณภาพชีวิตโดยเฉพาะอย่างยิ่งประชากรวัยกลางคนและผู้สูงอายุ ด้วยการสร้างโอกาสในการจ้างงาน
ในปี 2566 บริษัทฯ เปิดตัวโครงการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนที่โรงไฟฟ้าจีซิน โดยมีผู้ได้รับประโยชน์จำนวน 32 ราย โครงการนี้นอกเหนือจากการสร้างรายได้ให้ชุมชนแล้วยังเพิ่มความตระหนักรู้ด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมให้ผู้เข้าร่วมโครงการ ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธกิจของโรงไฟฟ้าในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
สถานที่
จีน
ผู้ได้รับผลประโยชน์
คนท้องถิ่น 32 คน
ระยะเวลาโครงการ
1 ปี (2566-ปัจจุบัน)
ส่งเสริมความสำเร็จของนักเรียน – การสนับสนุนด้านการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ
การสนับสนุนด้านการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพไม่ได้จำกัดแค่การมอบทรัพยากรเท่านั้น แต่คือการทำให้แน่ใจว่าการสนับสนุนนั้นนำไปสู่พัฒนาการของนักเรียนที่สามารถวัดผลได้ ตัวอย่างที่ดีของสิ่งนี้คือโครงการล่าสุดของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ฮุ่ยเอิน (Hui En Solar Farm) ภายใต้ชื่อกิจกรรม “วันเด็กแห่งความสุข ปันรักให้น้อง” ซึ่งมีการมอบอุปกรณ์การเรียน เช่น กระเป๋านักเรียน ปากกาเมจิก และสิ่งของอื่นๆ ให้กับเด็กอนุบาลจำนวน 264 คนในเมืองอันชิว การบริจาคครั้งนี้ไม่เพียงมอบเครื่องมือสำคัญสำหรับการเรียนรู้ แต่ยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับชุมชนท้องถิ่นอีกด้วย
โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ฮุ่ยเอิน ตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขาทางตอนใต้ มีความมุ่งมั่นอย่างยิ่งในการพัฒนาอย่างยั่งยืนและสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับชุมชนท้องถิ่น กิจกรรมล่าสุดของบริษัทสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นนี้ โดยแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่มีความหมาย โดยเฉพาะในด้านการศึกษา ความสำเร็จทางการศึกษาอย่างแท้จริงเกิดขึ้นเมื่อการสนับสนุนสามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและวัดผลได้ ช่วยให้นักเรียนเติบโตและประสบความสำเร็จทั้งในที่โรงเรียนและในชีวิตประจำวัน ความพยายามของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ฮุ่ยเอินถือเป็นตัวอย่างที่น่ายกย่องของความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร ที่สามารถสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ได้อย่างแท้จริง
สถานที่
จีน
ผู้ได้รับผลประโยชน์
264 คน
ประโยชน์ที่บริษัทฯ ได้รับ
สร้างความไว้วางใจและส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัทฯ
สนับสนุนกิจกรรมท้องถิ่นและสร้างความภาคภูมิใจและขวัญกำลังใจของพนักงาน
ระยะเวลาโครงการ
พ.ศ. 2567-ปัจจุบัน
ผลกระทบต่อทุนธรรมชาติ ทุนทางสังคม และทุนมนุษย์
ช่วยส่งเสริมการศึกษาและคุณภาพชีวิตของคนในท้องถิ่น
สร้างชุมชนที่มั่นคงและเจริญรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้น
ออสเตรเลีย
เป้าหมายหลัก
1. พัฒนาความไว้วางใจในการดำเนินงานของ Centennial กับผู้ถือครองที่ดิน ชุมชนท้องถิ่น ชุมชนภูมิภาค กลุ่มชนพื้นเมือง องค์กรพัฒนาเอกชน รัฐบาล และผู้มีส่วนได้เสียอื่น ๆ ผ่านการมีส่วนร่วมและการสื่อสารที่ครอบคลุมและทันท่วงที
2. มีส่วนร่วมในความสัมพันธ์เชิงบวกในการทำงานกับผู้อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียง ชุมชนท้องถิ่น ชุมชนภูมิภาค กลุ่มชนพื้นเมือง องค์กรพัฒนาเอกชน รัฐบาล โดยคาดการณ์เชิงรุกและจัดการกับข้อกังวลเกี่ยวกับโครงการของเรา
3. ตอบสนองต่อข้อกังวลของชุมชนโดยการรวมความคิดเห็นของชุมชนเข้ากับการทบทวนทั้งภายในและภายนอกเป็นระยะๆ เกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมและการมีส่วนร่วมของชุมชน
4. มีส่วนร่วมและสนับสนุนการพัฒนาทุนทางสังคมและศักยภาพของท้องถิ่น และสนับสนุนองค์กรชุมชนท้องถิ่น
กองทุนชุมชนมันดาลอง
CEY จัดสรรเงินกองทุน 50,000 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อปี ให้กับกองทุนชุมชนมันดาลอง เพื่อสนับสนุนโครงการที่ริเริ่มโดยชุมชนซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อคนในท้องถิ่น เงินสนับสนุนจะอยู่ในรูปแบบการบริจาคเพื่อการกุศลสำหรับกิจกรรม เทศกาล เหตุการณ์อื่นๆ หรือการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน อุปกรณ์ โครงการต่างๆ
โครงการ Westlakes Pamper Care
Centennial ร่วมมือกับ Pamper Care Project, Five Bays Sustainable Neighborhood Group และ Woodrising Neighborhood Center ให้การสนับสนุนชุมชนกว่า 10 ครัวเรือน ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งการช่วยเหลือนี้นับว่าเป็นกิจกรรมที่สร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับคนในชุมชน
ศูนย์เด็กเล็กก่อนวัยเรียน Cooranbong
โครงการสนามเด็กเล่นนี้ได้อยู่ในแผนงานมาประมาณหนึ่งปี จากการประชุมของคณะกรรมการ การพูดคุยร่วมกับคณะครู การสนทนากับครอบครัวต่างๆ และความสงสัยใคร่รู้ของเด็กๆ ที่อยากรู้ว่าสนามเด็กเล่นจะมีลักษณะเป็นอย่างไร และจะสื่อถึงอะไรในศูนย์เด็กก่อนวัยเรียนของเราและสำหรับเด็กๆ ของเรานั้น ล้วนเป็นสิ่งที่อยู่ในใจของเราทุกคน ทั้งหมดนี้นับว่าเป็นเรื่องสำคัญสำหรับศูนย์เด็กเล็กแห่งหนึ่งที่รองรับเด็กเพียง 30 คน โครงการนี้จึงถือเป็นเรื่องที่มีความหมายอย่างยิ่ง ทั้งนี้ พื้นที่กลางแจ้งของเรานั้นเต็มไปด้วยธรรมชาติ ทั้งพื้นหญ้า ดิน ต้นไม้นานาพรรณ เศษไม้ และหินทราย ซึ่งเราให้ความสำคัญกับการออกแบบสนามเด็กเล่นใหม่นี้ให้สอดคล้องและในขณะเดียวกันก็เสริมความงดงามของภูมิทัศน์ธรรมชาติดังกล่าวอย่างลงตัว
บทสนทนาและการหารือหลากหลายได้นำไปสู่การจินตนาการ การร่างภาพ การจัดประชุม การจัดสรรงบประมาณ การเผชิญกับความกังวลใจ ความหวัง การพิจารณารายละเอียด การวางแผน กำหนดเวลา และท้ายที่สุดคือการลงมือทำจริง และเป็นที่แน่นอนว่าเส้นทางตลอดทั้งกระบวนการนั้นไม่ราบรื่นเสมอไป อุปสรรคและความท้าทายเกิดขึ้นตลอดได้เวลา ดังที่ Johann Wolfgang von Goethe เคยกล่าวไว้ว่า “อุปสรรคจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเราเข้าใกล้เป้าหมาย” ซึ่งสะท้อนความจริงของโครงการนี้ได้อย่างชัดเจน
เราหวังว่าสนามเด็กเล่นไม้แห่งนี้จะเป็นสถานที่แห่งความสุข ความท้าทาย และแรงบันดาลใจให้กับเด็ก ๆ ไปอีกยาวนาน และเราขอขอบคุณทุกท่านจากใจจริง ไม่ว่าท่านจะมีส่วนร่วมมากหรือน้อย ทุกการสนับสนุนของท่านล้วนมีคุณค่าในการทำให้ความฝัน “สนามเด็กเล่นของเรา” กลายเป็นจริง
สถานที่
ออสเตรเลีย
ผู้ได้รับผลประโยชน์
39 คน
ประโยชน์ที่บริษัทฯ ได้รับ
ส่งเสริมพนักงานจิตอาสาและชื่อเสียงขององค์กร
ระยะเวลาโครงการ
พ.ศ. 2567-ปัจจุบัน
ผลกระทบต่อทุนธรรมชาติ ทุนทางสังคม และทุนมนุษย์
ปรับปรุงสภาพแวดล้อมกลางแจ้งของโรงเรียนอนุบาลให้ดีขึ้น
ช่วยดึงดูดผู้ใช้บริการให้มากขึ้น
ช่วยยกระดับประสบการณ์การเรียนรู้ของเด็กๆ ให้ดียิ่งขึ้น
มองโกเลีย
มรดกทางวัฒนธรรมและประเพณี
Hunnu เข้าร่วมและให้การสนับสนุนการจัดงานในเทศกาล ”Naadam” เนื่องในโอกาสครบรอบ 98 ปี ในเขตอำเภอ Bayan-Ovoo จังหวัด Umnogovi
ศูนย์การแพทย์ในเขตอำเภอ Bayandun จังหวัด Dornod สนับสนุนเงินรางวัลการแข่งขันยิงธนู ในงานฉลองครบรอบ 90 ปี
โครงการทุนการศึกษา 2565
Hunnu มอบทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาในเขตอำเภอ Gurvansaikhan จำนวน 7 คน โดยนักศึกษาเหล่านี้ได้ผ่านการคัดเลือกจากระดับจังหวัด ซึ่งจัดร่วมกันระหว่างรัฐบาลท้องถิ่นและจังหวัด ในปี 2022
เหมือง TSANT-UUL มอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียน 4 ทุน และได้มีการทำสัญญาตกลงการจ้างงานจากอำเภอเป็นเวลา 5 ปี หลังจากสำเร็จการศึกษา
โครงการอาหารสัตว์เพื่อคนเลี้ยงสัตว์
ภายใต้ความร่วมมือกับ Bayan-Ovoo soum เหมือง Tsant-Uul ได้ให้การสนับสนุนอาหารสัตว์แก่เกษตรกรในหมู่บ้าน Nalikh bagh
โครงการทุนการศึกษา
ภายใต้ความร่วมมือกับ Ulziit Soum เหมือง Unst Khudag ได้ให้การสนับสนุนทุนการศึกษาแก่นักศึกษาใน Ulziit Soum
โครงการก่อสร้างรั้วเพื่ออนุรักษ์แหล่งน้ำและความปลอดภัยของปศุสัตว์
ทีมงานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย สิ่งแวดล้อม และชุมชนสัมพันธ์ (HSEC) ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างรั้วเพื่ออนุรักษ์แหล่งน้ำและความปลอดภัยของปศุสัตว์ ภายใต้แผนงานการชดเชยผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม โดยโครงการดังกล่าวได้ดำเนินการแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2567 ตามข้อเสนอแนะจากภาคประชาชนในพื้นที่ เจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อม และผู้ว่าราชการจังหวัดบายัน-โอวู (Bayan-Ovoo)
โดยทีมงานได้ก่อสร้างรั้วจำนวน 2 แนว โดยแต่ละแนวมีความยาว 230 เมตร ติดตั้งรอบบริเวณแหล่งน้ำ “ออร์วอก” (Orvog) ตั้งอยู่ในเขตนาลิคห์ บัก (Nalikh Bagh) มีระยะทางห่างจากพื้นที่เหมืองแร่ TU ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 50 กิโลเมตร ซึ่งแนวรั้วที่สร้างขึ้นจะช่วยกำหนดเขตพื้นที่และป้องกันไม่ให้ปศุสัตว์เข้าไปรบกวน
ทั้งนี้ ตามปกติในช่วงฤดูฝน พื้นที่โดยรอบแหล่งน้ำมักกลายเป็นพื้นชุ่มน้ำ ส่งผลให้ปศุสัตว์ที่เดินเข้าไปในบริเวณนั้นอาจติดหล่มและเกิดการสูญเสียชีวิตได้ในบางกรณี การก่อสร้างรั้วป้องกันในครั้งนี้จึงป้องกันปัญหาดังกล่าว พร้อมกันนั้นเป็นการอนุรักษ์และคงไว้ซึ่งแหล่งน้ำธรรมชาติให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต
สถานที่
มองโกเลีย
ผู้ได้รับผลประโยชน์
112 คน
ประโยชน์ที่บริษัทฯ ได้รับ
เสริมสร้างความเข้าใจเชิงบวกเกี่ยวกับบริษัทในกลุ่มครัวเรือนเลี้ยงสัตว์ของหมู่บ้านนาลิคห์
ระยะเวลาโครงการ
พ.ศ. 2567-ปัจจุบัน
ผลกระทบต่อทุนธรรมชาติ ทุนทางสังคม และทุนมนุษย์
เพื่อป้องกันไม่ให้แหล่งน้ำแห้ง โดยการป้องกันการปนเปื้อนจากสัตว์เลี้ยง
เพื่อคุ้มครองผู้เลี้ยงสัตว์จากความเสียหายทางเศรษฐกิจ โดยการป้องกันไม่ให้สัตว์ของพวกเขาติดหล่มในพื้นที่โคลนบริเวณแหล่งน้ำ
เพื่อลดภาระงานของผู้เลี้ยงสัตว์ เนื่องจากไม่จำเป็นต้องติดตามสัตว์ไปยังแหล่งน้ำอีกต่อไป
เวียดนาม
โครงการพัฒนาชุมชนในเวียดนาม
โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนามสนับสนุนการสร้างรายได้ให้กับชุมชน โดยจ้างคนในท้องถิ่นเพื่อทำความสะอาดแผงโซลาร์เซลล์
โครงการพัฒนาชุมชนในเวียดนาม: ตัดหญ้า
โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของเวียดนามใน Nhon Hai สนับสนุนโครงการสร้างรายได้ให้กับชุมชน โดยจ้างแรงงานท้องถิ่นตัดหญ้าในพื้นที่โรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์
โครงการพัฒนาชุมชนในเวียดนาม: ทำความสะอาดแผงโซลาร์เซลล์
โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของเวียดนามใน Nhon Haiสนับสนุนโครงการสร้างรายได้ให้กับชุมชน โดยจ้างแรงงานท้องถิ่นทำความสะอาดแผงโซลาร์เซลล์
โครงการส่งเสริมรายได้ในสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
เวียดนามมุ่งมั่นในการสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับชุมชนที่อยู่ใกล้หน่วยธุรกิจ โดยบริษัทได้ริเริ่มโครงการส่งเสริมรายได้เพื่อสร้างโอกาสในการทำงานให้กับคนในพื้นที่รอบๆ โรงไฟฟ้าพลังงานลมเอลวินหมุยยิน และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์น็อนไห่ โครงการดังกล่าวได้จ้างแรงงานชาวบ้านในท้องถิ่นมาทำงานตัดหญ้าตกแต่งภูมิทัศน์ ซึ่งช่วยทำให้ทางเดินภายในพื้นที่โรงไฟฟ้ามีความเป็นระเบียบ ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ และเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในชุมชน
สถานที่
เวียดนาม
ผู้ได้รับผลประโยชน์
6 คน
ประโยชน์ที่บริษัทฯ ได้รับ
ลดต้นทุนการบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า
สร้างชื่อเสียงให้กับบริษัท และ ทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
ระยะเวลาโครงการ
พ.ศ. 2565-ปัจจุบัน
ผลกระทบต่อทุนธรรมชาติ ทุนทางสังคม และทุนมนุษย์
เพิ่มโอกาสการจ้างงานสำหรับคนในท้องถิ่น
เพิ่มทักษะที่มีประโยชน์ด้านการดูแลรักษาภูมิทัศน์และการบำรุงรักษา
สร้างความปลอดภัยในชุมชนโดยการลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ
ส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีและสร้างความรู้สึกความเป็นหนึ่งเดียวของคนในชุมชน
สหรัฐอเมริกา
โครงการพัฒนาชุมชนในสหรัฐอเมริกา
• พนักงานจาก NEPA เป็นอาสาสมัครทุกเดือนที่ Seven Loaves Soup Kitchen เสิร์ฟอาหารอุ่นๆ แก่ครอบครัวที่ต้องการความช่วยเหลือ
• พนักงานใน Texas เป็นอาสาสมัครที่ Cowtown Race ในฐานะผู้สนับสนุนเชื้อเพลิงอย่างเป็นทางการ – จัดหาของว่างและน้ำเพื่อเติมพลังแก่นักวิ่ง – มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 20,000 คน
• พนักงานในเดนเวอร์เข้าร่วมการแข่งขัน Highland 5k และ 10K
NEPA – Seven Loaves Soup Kitchen
Denver – 5k and 10k runners
การสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนในสหรัฐฯ
BKV ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในสหรัฐฯ มุ่งมั่นในการเป็นหนึ่งพลังร่วมในสังคม โดยสานความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างเสริมความสัมพันธ์กับชุมชนที่อยู่ใกล้เคียงกับพื้นที่ที่ดำเนินธุรกิจ
ในปี 2566 BKV ได้ริเริ่มโครงการ “BKV First Responder Grant Program” หรือโครงการทุกสนับสนุนสำหรับผู้ตอบโต้เหตุฉุกเฉิน เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือกับหน่วยเผชิญเหตุฉุกเฉินในท้องถิ่น โดยการมอบงบประมาณสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของหน่วยเผชิญเหตุฉุกเฉิน โครงการนี้เริ่มต้นด้วยการเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับความปลอดภัยและแนวทางการปฏิบัติงาน เพื่อมองหาโอกาสในการดำเนินกิจกรรมร่วมกัน
ในการนี้ บริษัทฯ ส่งหนังสือเชิญเจ้าหน้าที่ตอบโต้เหตุฉุกเฉินในพื้นที่รัฐเท๊กซัสและเพนซิลเวเนียตะวันออกเฉียงเหนือให้สมัครขอรับทุนสนับสนุน โดยมีคณะกรรมการชุมชนสัมพันธ์เป็นผู้พิจารณาใบสมัครและได้มอบทุนงบประมาณสนับสนุนรวม 8 ทุน มูลค่ากว่า 30,000 เหรียญสหรัฐ
สถานที่
สหรัฐฯ
ผู้ได้รับผลประโยชน์
เจ้าหน้าที่ตอบโต้เหตุฉุกเฉิน 8 คน
ระยะเวลาโครงการ
1 ปี (2566-ปัจจุบัน)
การสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนในสหรัฐฯ
BKV ร่วมมือกับองค์กรท้องถิ่น เข้าร่วมกิจกรรมอาสาสมัครหลายงานทั่วโคโลราโด เท็กซัส และเพนซิลเวเนียในสัปดาห์อาสาสมัครแห่งชาติ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อาสาสมัครมารวมตัวกัน เพื่อใช้เวลาในการสร้างสรรค์ความหลากหลายในชุมชนของตน
โดยรวมแล้ว BKV ได้ร่วมทำงานอาสาสมัครมากกว่า 110 ชั่วโมง ทำให้สัปดาห์อาสาสมัครแห่งชาติประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม กิจกรรมเหล่านี้ช่วยให้พนักงานสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อตนเอง และบริษัทฯ ซึ่ง BKV ยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมให้โลกงดงามยิ่งขึ้น ผ่านการแสดงความมีน้ำใจอย่างต่อเนื่อง
การสนับสนุนด้านการศึกษาของ BKV
ในปี 2024, BKV ได้ร่วมมือกับ Pascual LeDoux Academy โดยให้การสนับสนุนงบประมาณและจัดหาอาสาสมัครร่วมกิจกรรมกับมูลนิธิการศึกษาของโรงเรียนรัฐบาลประจำเมืองเดนเวอร์ (Denver Public School Education Foundation) ในโครงการการศึกษาที่สอดคล้องกับกรอบทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่า CLASS (Community Leads and Students Succeed) ซึ่งโครงการกลยุทธ์นี้เน้นการพัฒนาผลลัพธ์ของนักเรียนและความเป็นเลิศทางวิชาการของโรงเรียน ครอบคลุม 4 ด้านหลัก ได้แก่ การเติบโตทางการเรียนรู้และวิชาการของนักเรียน, ทักษะชีวิตและการเรียนรู้ทางสังคม-อารมณ์, การมีส่วนร่วมและการสนับสนุนจากครอบครัว, และการพัฒนาภาวะผู้นำของผู้สอนทั่วทั้งโรงเรียนรัฐบาลประจำเมืองเดนเวอร์
สถานที่
สหรัฐอเมริกา
ผู้ได้รับผลประโยชน์
250 คน
ประโยชน์ที่บริษัทฯ ได้รับ
ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงานอาสาสมัครและชื่อเสียงขององค์กร
ระยะเวลาโครงการ
พ.ศ. 2566-ปัจจุบัน
ผลกระทบต่อทุนธรรมชาติ ทุนทางสังคม และทุนมนุษย์
สร้างผลกระทบทางสังคมผ่านการศึกษาและการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้
ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของเด็กจากครอบครัวที่มีรายได้น้อย
เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการศึกษา
สนับสนุนครูเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการสอน
เสียงสะท้อนจากชุมชน 2024
2024 Indonesia, GPK mine TH
2024 Indonesia, IMM mine TH
เสียงสะท้อนจากชุมชน 2023
Banpu_CE_Testimonial_Indonesia_TH
Banpu_CE_Testimonial_China_TH
Banpu_CE_Testimonial_USA_TH
มาตรฐานการดำเนินงานการมีส่วนร่วมกับชุมชน
นโยบายการมีส่วนร่วมของชุมชน
การจัดการข้อร้องเรียนของชุมชน
การจัดการการโยกย้ายถิ่นฐาน
การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย
การดำเนินงานคณะกรรมการที่ปรึกษาชุมชน
การดำเนินงานการมีส่วนร่วมกับชนเผ่าพื้นเมือง
กิจกรรมชุมชนสัมพันธ์
การสำรวจการรับรู้ของชุมชน
แนวทางการวัดผลกระทบทางสังคม
การประเมินผลกระทบทางสังคม