การมีส่วนร่วมของชุมชน
ความสำคัญ
ดาวน์โหลดนโยบายการมีส่วนร่วมของชุมชน (PDF)
ความสำคัญและความมุ่งมั่นขององค์กร
บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียดังพันธกิจที่ตั้งไว้ เพื่อสร้างความไว้วางใจและสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชุมชนซึ่งเป็นหนึ่งในผู้มีส่วนได้เสียหลัก บริษัทฯ มุ่งเน้น “กระบวนการสร้างการมีส่วนร่วม” ระหว่างผู้มีส่วนได้เสียในการดำเนินงาน โดยยึดมั่นในนโยบายด้านการพัฒนาชุมชนของบริษัทฯ ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของคนในชุมชน มุ่งสร้างความเข้มแข็งและสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว รวมถึงได้รับการยอมรับจากชุมชน
แนวทางการบริหารจัดการ
บริษัทฯ ประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมก่อนเริ่มพัฒนาโครงการ และในกรณีมีการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการดำเนินโครงการ พร้อมทั้งสื่อสารผลการประเมินให้ชุมชนรับทราบ เพื่อให้มั่นใจว่าชุมชนได้มีส่วนร่วมตั้งแต่ระยะเริ่มต้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการวิเคราะห์ผู้มีส่วนได้เสียและศึกษาข้อมูลพื้นฐานของชุมชน ทั้งก่อนเริ่มโครงการและระหว่างการดำเนินงาน เพื่อตอบสนองความต้องการของชุมชนได้ดียิ่งขึ้น
บริษัทฯ จัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาชุมชน (Community Consultative Committee: CCC) ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากชุมชนรวมทั้งกลุ่มเปราะบาง ภาครัฐ และบริษัทฯ นอกจากนี้ บริษัทฯ จัดให้มีหน่วยงานชุมชนสัมพันธ์ในแต่ละหน่วยธุรกิจ เพื่อบริหารจัดการการมีส่วนร่วมของชุมชนอย่างใกล้ชิดและเพื่อให้มั่นใจว่าโครงการพัฒนาทั้งหมดเป็นประโยชน์ต่อชุมชนอย่างแท้จริง ทั้งนี้แนวทางการมีส่วนร่วมกับชุมชนในแต่ละประเทศจะแตกต่างกันไปตามลักษณะธุรกิจและบริบทของชุมชนในท้องถิ่น
Stakeholder
engagement manual
ภาพรวมการดำเนินงานในรอบปี
ในปี 2566 บริษัทฯ ดำเนินการสานเสวนากับชุมชนผ่านการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาชุมชนในอินโดนีเซียรวม 27 ครั้ง และประชุมคณะอนุกรรมการระดับกลุ่มเหมืองในออสเตรเลียจำนวน 21 ครั้ง โดยตลอดปี 2566 บริษัทฯ ไม่ได้รับข้อร้องเรียนใหม่จากชุมชน อีกทั้งได้ดำเนินการแก้ไขข้อร้องเรียนที่เกิดขึ้นในปี 2565 เรียบร้อยทั้งหมด อันประกอบด้วยข้อร้องเรียนเรื่องเสียงรบกวนในออสเตรเลีย และประเด็นการรั่วไหลของน้ำมันในเวียดนาม นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังดำเนินการสำรวจความพึงพอใจของชุมชนในอินโดนีเซียและออสเตรเลีย โดยผลสำรวจพบว่าความพึงพอใจในอินโดนีเซียอยู่ในระดับต่ำ เนื่องด้วยความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตหลังการปิดเหมือง ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้นำข้อเสนอแนะมาปรับปรุงแนวทางการมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อความยั่งยืนต่อไป ในขณะที่ผลสำรวจการรับรู้ของชุมชนในออสเตรเลีย พบว่าอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ
การสำรวจความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้เสีย
บริษัทฯ ได้ทำการสำรวจความพึงพอใจของชุมชนในการดำเนินงานโครงการพัฒนาชุมชน 13 โครงการ ในเหมือง 5 แห่ง ผลสำรวจพบว่าระดับความพึงพอใจเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 83 ซึ่งอยู่ในระดับสูง อันสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิผลของการมีส่วนร่วมและพัฒนาชุมชนที่มีความสอดคล้องกับความต้องการและความคาดหวังของชุมชนท้องถิ่นในพื้นที่ที่บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจ
การประเมินผลกระทบด้านสังคม
บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับผลกระทบที่อาจจะเกิดกับชุมชน จึงกำหนดให้หน่วยธุรกิจจัดทำการประเมินผลกระทบทางสังคม หรือ Social Impact Assessment (SIA) ในทุกหน่วยธุรกิจก่อนเริ่มดำเนินโครงการ โดยข้อมูลที่ได้รับจากการประเมินจะนำไปออกแบบกิจกรรมที่สามารถตอบสนองความต้องการของชุมชนโดยการลดหรือหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อชุมชนเป็นหลัก รวมถึงเปรียบเทียบผลจากการบรรเทาผลกระทบก่อนการสิ้นสุดสัมปทาน นอกจากนี้หากมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการที่มีนัยสำคัญในระหว่างดำเนินการ บริษัทฯ ได้กำหนดให้มีการประเมินผลกระทบทางสังคมใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับกิจกรรมที่ถูกปรับเปลี่ยนไป
ธุรกิจ
สถานะ
จำนวนหน่วยธุรกิจ
ทั้งหมด
ได้รับการประเมิน
ผลกระทบด้านสังคม
เปิดเผยผลการประเมิน
ธุรกิจเหมือง – อินโดนีเซีย
เปิดดำเนินการ
5
5
5
อยู่ระหว่างการพัฒนา
3
3
NA
ธุรกิจเหมือง – ออสเตรเลีย
เปิดดำเนินการ
5
5
5
อยู่ระหว่างการพัฒนา
2
2
2
ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน – จีน
เปิดดำเนินการ
7
NA
NA
อยู่ระหว่างการพัฒนา
NA
NA
NA
ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน – ออสเตรเลีย
เปิดดำเนินการ
2
2
2
อยู่ระหว่างการพัฒนา
NA
NA
NA
ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน – เวียดนาม
เปิดดำเนินการ
2
2
2
อยู่ระหว่างการพัฒนา
3
NA
NA
หมายเหตุ:
NA = Not required to conduct SIA
เปิดเผยผลการประเมิน
การเก็บข้อมูลพื้นฐานชุมชน
บริษัทฯ ได้กำหนดให้เก็บข้อมูลพื้นฐานชุมชนในช่วงการดำเนินธุรกิจระยะต้น และปรับปรุงให้เป็นปัจจุบันเป็นระยะเพื่อที่จะศึกษาและทำความเข้าใจสภาพแวดล้อม วิถีชีวิต และความเป็นอยู่ของชุมชนได้อย่างดีขึ้น (Community Baseline Data Collection) จากนั้น จะทำการปรึกษาหารือคณะกรรมการที่ปรึกษาชุมชนหรือผู้แทนชุมชน (Community Consultation) ในการจัดทำแผนงานการพัฒนาชุมชนเฉพาะพื้นที่ (Community Engagement Plan) ต่อไป
การบริหารจัดการข้อร้องเรียนชุมชน
บริษัทฯ ได้กำหนดมาตรฐานการบริหารจัดการข้อร้องเรียนจากชุมชนและมีผู้มีส่วนได้เสีย (Community complaint management) ในทุกหน่วยธุรกิจให้สามารถบริหารจัดการข้อร้องเรียนที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างมีระบบ โดยแนวทางการดำเนินงานนี้ได้ครอบคลุมถึงการร้องเรียนของชนเผ่าพื้นเมืองในพื้นที่ (Indigenous peoples management) ชุมชนท้องถิ่น รวมถึงกรณีการโยกย้ายถิ่นฐานหากไม่สามารถหลีกได้ (Resettlement management) ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดให้มีการรายงานผลการบริหารจัดการข้อร้องเรียนที่ได้รับจากชุมชนแก่คณะกรรมการความยั่งยืนและคณะกรรมการ ESG ของบริษัทฯ อย่างสม่ำเสมอ
การจัดการข้อร้องเรียนของชุมชนเป็นกระบวนที่ช่วยให้คนในชุมชนสามารถแสดงความกังวลของตนได้ การจัดการกับข้อร้องเรียนจึงเป็นสิ่งสำคัญในการแสดงความรับผิดชอบต่อชุมชนที่เราสนับสนุนการพัฒนาและเป็นส่วนหนึ่งของบริบทด้านมนุษยธรรม นอกจากนี้ยังช่วยยกระดับการจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCM) ของเราโดยการลดความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น และจะเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เช่นกัน
Community complaint
management manual
การสอบทานคุณภาพ
บริษัทฯ ได้นำระบบการสอบทานคุณภาพ (Quality Assurance Review) โดยให้พนักงานที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับงานการพัฒนาชุมชน มาดำเนินการตรวจสอบการดำเนินงาน เพื่อความโปร่งใสและมีประสิทธิผลสูงสุด ซึ่งการสำรวจจะดำเนินการเป็นประจำทุกปี และทำให้ทราบแนวทางในการปรับปรุงการดำเนินงานพัฒนาชุมชนให้มีประสิทธิภาพต่อไป
การจัดการข้อร้องเรียนในออสเตรเลีย
ในปี 2563 เหมืองแมนดาลองในออสเตรเลียได้ขยายโครงสร้างพื้นฐานโดยการสร้าง “Mandalong South Surface Site” ซึ่งรวมถึงการติดตั้งพัดลมระบายอากาสสำหรับการทำเหมืองใต้ดิน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้รับรายงานจากคนในชุมชนเกี่ยวกับเสียงรบกวนที่เกิดจากพัดลมเหล่านี้ หลังได้รับรายงาน บริษัทฯ ได้จัดการข้อร้องเรียนตามมาตรฐานการจัดการข้อร้องเรียนที่ประกอบด้วยการสื่อสารกับผู้ร้องเรียน การปรึกษากับคณะกรรมการที่ปรึกษาชุมชน และการรายงานปัญหาต่อหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง
จากการปรึกษากับทุกภาคส่วน บริษัทฯ ดำเนินการแก้ไขโดยการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพัดลม เพื่อลดเสียงรบกวน การปรับปรุงดังกล่าวดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนตุลาคม 2566 และพบว่ามีระดับเสียงรบกวนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยปัจจุบันบริษัทฯ ไม่ได้รับข้อร้องเรียนเพิ่มเติมในประเด็นปัญหานี้
การส่งเสริมการมีส่วนร่วมชุมชน
บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชน ตั้งแต่ก่อนเริ่มโครงการ ระหว่างพัฒนาโครงการ และระยะสิ้นสุดโครงการ โดยเน้นให้สมาชิกในชุมชนได้มีส่วนร่วมในการออกแบบกิจกรรมพัฒนาชุมชน ดำเนินกิจกรรมและตรวจสอบการดำเนินงาน รวมทั้งการประเมินผล เช่น การจัดทำแผนพัฒนาชุมชนที่ตรงตามความต้องการของชุมชน และสอดคล้องกับแผนการพัฒนาของภาครัฐ เป็นต้น โดยบริษัทฯ ได้ร่วมกับชุมชนจัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาการพัฒนาชุมชน (Community Consultative Committee: CCC) ที่ประกอบด้วยตัวแทนจากชุมชน รัฐบาลในท้องถิ่น และบริษัทฯ เพื่อร่วมกันวางแผนดำเนินงานแต่ละโครงการ ติดตามความก้าวหน้า และร่วมกันแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของสังคมส่วนรวม
บริษัทฯ ส่งเสริมการร่วมมือกับผู้รับเหมาในการทำงานด้านพัฒนาชุมชน ซึ่งมีผู้รับเหมาของบริษัทฯ หลายรายที่ทำงานพัฒนาชุมชนควบคู่ไปด้วย บริษัทฯ จึงได้ประสานความร่วมมือ เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาชุมชนร่วมกัน ตั้งแต่การวางแผน การจัดสรรงบประมาณ การจัดสรรบุคลากร การแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และข้อมูลข่าวสาร ซึ่งสามารถทำให้การดำเนินโครงการพัฒนาชุมชน มีประสิทธิภาพมากขึ้น ครอบคลุมผู้ได้รับประโยชน์มากขึ้น และลดการซ้ำซ้อนของการบริหารจัดการโครงการพัฒนาชุมชนในพื้นที่
ผลลัพธ์ทางสังคม
การประเมินผลตอบแทนทางสังคม
ในการวัดผลกระทบจากการมีส่วนร่วมกับชุมชน บริษัทฯ ใช้กรอบการประเมินผลตอบแทนทางสังคม หรือ SROI ซึ่งครอบคลุมการพัฒนาชุมชน 6 โครงการ ในพื้นที่เหมือง 5 แห่ง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังใช้การวัดระดับความยั่งยืน (Maturity measurement) เพื่อประเมินความยั่งยืนของโครงการการมีส่วนร่วมของชุมชนใน 6 มิติ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลง การมีส่วนร่วม การบริหารจัดการ ความร่วมมือ ผลกระทบ และความยั่งยืน ทั้งนี้ มิติทั้ง 6 ด้านดังกล่าวครอบคลุมการดำเนินงานของเหมืองในอินโดนีเซียทั้งหมด
ตัวอย่างการประเมินผลตอบแทนทางสังคมในโครงการพัฒนาชุมชน
การประเมินผลกระทบทางสังคม
ตั้งแต่เริ่มต้นการพัฒนาโครงการ บริษัทฯ ได้ดำเนินการประเมินผลกระทบทางสังคมหรือ SIA ในทุกหน่วยธุรกิจ ทำให้สามารถมั่นใจได้ว่าบริษัทฯ มีความเข้าใจผลกระทบทางสังคมที่อาจเกิดขึ้นจากโครงการ ทั้งนี้หากมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใดๆ เกิดขึ้นระหว่างการดำเนินโครงการ บริษัทฯ จะทบทวนการประเมินผลกระทบทางสังคมเพื่อการจัดการและแก้ไข โดยบริษัทฯ จะสื่อสารรายงานการประเมินที่ได้รับจากการปรับปรุงดังกล่าวไปยังผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อความโปร่งใสในการดำเนินโครงการ อนึ่ง การประเมินผลกระทบทางสังคมนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาระดับการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียขององค์กร
การวัดผลการดำเนินงานทางสังคม
ระบบ CEMS
ระบบการจัดการข้อมูลการมีส่วนร่วมของชุมชน หรือ CEMS เป็นระบบที่ใช้รวบรวมข้อมูลผลกระทบทางสังคมของบริษัท ซึ่งได้ถูกออกแบบในการจัดเก็บ เรียกใช้ และจัดการข้อมูลในฐานข้อมูลที่ผู้ใช้งานสามารถใช้งานระบบได้ตลอดเวลา เพื่อนำข้อมูลไปใช้สื่อสารกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อไป
บ้านปูฯ ริเริ่มการพัฒนาโครงการนี้โดยได้รับความร่วมมือจากผู้แทนพนักงานจากทุกประเทศในช่วงปลายปี 2562 ต่อมาระบบถูกพัฒนาให้มีความสมบูรณ์และได้ประกาศใช้งานอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายน 2564
บ้านปู ให้ร่วมมือกับชุมชนท้องถิ่นในทุกพื้นที่ที่บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจโดยมีวัตถุประสงค์หลักในการยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีของสมาชิกชุมชนทุกคน การมีส่วนร่วมของชุมชนได้ถูกดำเนินการในประเทศออสเตรเลีย อินโดนีเซีย จีน เวียดนาม และสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ ในปี 2565 ได้มีการดำเนินโครงการทั้งหมดจำนวน 153 โครงการ ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบทางตรงต่อผู้รับประโยชน์จำนวน 74,522 ราย โดยมีสัดส่วนหลักที่โครงการพัฒนาด้านการศึกษาและโครงการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ซึ่งคิดเป็น 36.33% และ 28.92% ตามลำดับ
ภาพรวมผลการดำเนินงานทางสังคม
2566
ภาพรวมผลการดำเนินงานทางสังคม
2564
2565
2566
กิจกรรมชุมชนสัมพันธ์
Highlight
การสนับสนุนสตรีในอินโดนีเซีย
การสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนในสหรัฐฯ
โครงการส่งเสริมเศรษฐกิจในจีน
อินโดนีเซีย
โครงการสหกรณ์ชุมชน
เหมืองบารินโตในอินโดนีเซียได้สนับสนุนการจัดตั้งสหกรณ์ชุมชน เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนโดยได้ดำเนินการปลูกข้าวโพดลูกผสมในพื้นที่ 8 เฮกตาร์ และมีแผนการขยายพื้นที่เป็น 10 เฮกตาร์ เพื่อเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้น โครงการนี้มีสมาชิกทั้งสิ้น 22 คน โดยบริษัทฯ ได้จัดฝึกอบรมการจัดการสหกรณ์แก่สมาชิกและช่วยเหลือชุมชนในการจัดหาเงินทุนทางธุรกิจและสิ่งอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ ปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนเป็นสมาชิกสหกรณ์ แล้วจำนวน 74 คน ทั้งนี้โครงการสหกรณ์ชุมชน ได้รับรางวัลระดับเงิน ในการประกวดรางวัลโครงการเพื่อสังคมและการพัฒนาชนบทอย่างยั่งยืนในอินโดนีเซีย
จำนวนผู้ได้รับประโยชน์
74 คน
ประโยชน์ที่ชุมชนได้รับ
• ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนผ่านการดำเนินกิจการสหกรณ์ชุมชน
• ส่งเสริมการสร้างรายได้
• ส่งเสริมความสามารถของกลุ่มสตรี โดยการทำงานผ่านกลุ่มแม่บ้าน
โครงการฟาร์มเลี้ยงโค
เหมืองคิทาดิน-เอ็มบาลุต ดำเนินโครงการส่งเสริมการทำฟาร์มโคในหมู่บ้านจำนวน 4 แห่ง โดยปัจจุบัน มีกลุ่มเกษตรกรเลี้ยงโคจำนวน 7 กลุ่ม มีจำนวนโครวมทั้งสิ้น 300 ตัว โครงการส่งเสริมการทำฟาร์มโคนี้เริ่มขึ้นในปี 2552 ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาของจังหวัดกาลิมันตันตะวันออก ซึ่งมีเป้าหมายในการผลิตโคให้ได้ 2 ล้านตัว โครงการนี้ได้สร้างระบบการทำฟาร์มโคแบบครบวงจร นอกจากนี้มีการใช้มูลโคทำปุ๋ยชีวภาพในการฟื้นฟูสภาพดินเดิมที่ทำเหมืองให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกด้วย
จำนวนผู้ได้รับประโยชน์
45 คน
ประโยชน์ที่ชุมชนได้รับ
• ส่งเสริมการเพิ่มรายได้แก่ชุมชนท้องถิ่น
• ช่วยลดอัตราการว่างงานและส่งเสริมโอกาสการมีงานทำ
• พัฒนาคุณภาพของพื้นที่เกษตรกรรม
โครงการผลิตปุ๋ยอินทรีย์
โครงการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ด้วยความตระหนักถึงปัญหามูลโคของหมู่บ้าน Karangrejo เหมืองโจร่งจึงร่วมกับคณะกรรมการที่ปรึกษาของชุมชนดำเนินโครงการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ โดยสนับสนุนการฝึกอบรม การฝึกปฏิบัติ สถานที่ผลิตปุ๋ย รวมทั้งอุปกรณ์การผลิต ทั้งนี้ตั้งแต่ปี 2560 กลุ่มผู้ผลิตปุ๋ยอินทรีย์สามารถผลิตปุ๋ยได้จำนวน 1,065 ต้น คิดเป็นรายได้รวม 1,683,425,000 รูเปียห์ โดยโครงการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ได้ดำเนินการบริหารจัดการโดยกลุ่มเกษตรกร ผลการดำเนินโครงการทำให้ชุมชนได้รับประโยชน์หลายอย่าง เช่น การจัดการมูลโค การสนับสนุนให้ชุมชนมีรายได้ และในขณะเดียวกันทางบริษัทฯ ก็สามารถสนับสนุนชุมชนด้วยการจัดซื้อปุ๋ยมาใช้ในการฟื้นฟูพื้นที่หลังการทำเหมือง
จำนวนผู้ได้รับประโยชน์
52 คน
ประโยชน์ที่ชุมชนได้รับ
• เพิ่มรายได้แก่ชุมชน
• ปรับปรุงคุณภาพดินเพื่อการเกษตรกรรม
• เพิ่มความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อม
SROI
1 : 2.67
ศูนย์ฝึกอบรมการใช้คอมพิวเตอร์
เหมืองทรูบาอินโดได้ดำเนินโครงการพัฒนาชุมชนและนักเรียนด้วยการเพิ่มความรู้ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ โดยได้จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ชื่อว่า LPK Media Citra Mandiri ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับเรียนรู้เกี่ยวกับทักษะการใช้งานคอมพิวเตอร์ โครงการนี้ก่อตั้งในปี 2559 ปัจจุบันมีนักเรียนที่สำเร็จหลักสูตร ไปแล้วทั้งสิ้น 390 คน จากหลากหลายอาชีพ เช่น ครู นักเรียน ผู้ใช้แรงงาน และเจ้าหน้าที่ราชการ โครงการนี้ก่อให้เกิดประโยชน์แก่สมาชิกชุมชนอย่างชัดเจนซึ่งการมีทักษะทางคอมพิวเตอร์จะสามารถช่วยสร้างโอกาสในการมีงานทำ โครงการนี้้ได้รับรางวัลระดับเงิน ในการประกวดโครงการ CSR and Sustainable Rural Development (SRD) Award ซึ่งจัดโดย Ministry of Villages, Development of Disadvantaged Regions, and Transmigration ในอินโดนีเซีย
จำนวนผู้ได้รับประโยชน์
390 คน
ประโยชน์ที่ชุมชนได้รับ
• พัฒนาคุณภาพการศึกษา
• ส่งเสริมทักษะทางคอมพิวเตอร์แก่นักเรียนท้องถิ่น
• มีการจ้างแรงงานจำนวน 26 คน
โครงการฟื้นฟูป่าชายเลน
เหมืองอินโดมินโคตระหนักถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยได้ดำเนินการโครงการฟื้นฟูป่าชายเลน ตั้งแต่ปี 2555 ถึง 2565 ปัจจุบันได้ปลูกต้นไม้ป่าชายเลนรวม 130,000 ต้น ในพื้นที่ 72 เฮกตาร์ ซึงสนับสนุนเป้าหมาย SDGs ที่ 14 ในการส่งเสริมระบบนิเวศมหาสมุทร โดยสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนในการจัดหากล้าไม้ชายเลน และการปลูกต้นไม้ มีการสร้างที่พักเฝ้าระวังป่าชายเลน จากการดำเนินงานจนถึงปัจจุบัน ได้สร้างประโยชน์แก่สมาชิกในชุมชนท้องถิ่นจำนวน 2,618 คน โดยโครงการนี้ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลและสื่อมวลชน โดยได้รับรางวัล Propernas (รางวัลสีเขียว) รางวัลระดับเงิน จากกระทรวงความร่วมมือของอินโดนีเซีย และรางวัลระดับทอง จากการประกวดในโครงการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของอินโดนีเซีย (ISDA)
จำนวนผู้ได้รับประโยชน์
2,618 คน
ประโยชน์ที่ชุมชนได้รับ
• พัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนท้องถิ่น
• เพิ่มแนวป้องกันธรรมชาติเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภัยธรรมชาติ
• เพิ่มความตระหนักในการอนุรักษ์ป่าชายเลน
การสนับสนุนสตรีในอินโดนีเซีย
โครงการผ้าพิมพ์รักษ์สิ่งแวดล้อม Sasirangan ของเหมืองโจ-ร่งอินโดนีเซีย ได้ก่อตั้งขึ้นในปี 2562 โดยมุ่งเน้นในการสนับสนุนสตรีผ่านความร่วมมือกับคณะกรรมการที่ปรึกษาชุมชน ทั้งนี้มีกลุ่มสตรีจำนวน 2 กลุ่มที่ร่วมบริหารจัดการโครงการ ทำให้เพิ่มขีดความสามารถผ่านการแลกเปลี่ยนความรู้และการฝึกอบรมทักษระทางเทคนิค โดยเน้นการสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ผลิตภัณฑ์ของ Sasirangan มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยการใช้เทคนิคการพิมพ์ลายเชิงนิเวศน์ ซึ่งทำจากใบยูคาลิปตัสจากพื้นที่ฟื้นฟูของเหมืองโจ-ร่ง และในปี 2566 กลุ่มสตรีได้เริ่มผลิตสีย้อมผ้าเชิงนิเวศน์ และกลายเป็นพันธมิตรกับรัฐบาลในตลาดท้องถิ่น ทำให้เพิ่มโอกาสการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ
สถานที่
อินโดนีเซีย
ระยะเวลาโครงการ
5 ปี (2562-ปัจจุบัน)
ผลตอนแทนทางสังคม
1 : 2.05
การเสริมศักยภาพแรงงานท้องถิ่นในอินโดนีเซีย
เหมืองอินโดมินโคในอินโดนีเซีย ได้คาดการณ์สถารการณ์แรงงานท้องถิ่นมีแนวโน้มที่มีความต้องการสูงขึ้นในอนาคตเนื่องจากการสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่ จึงร่วมมือกับสมาคมช่างเชื่อมแห่งเมืองบอนตัง (Bontang Welder Association) ในการพัฒนาฝีมือแรงงานท้องถิ่นภายใต้โครงการฝึกอบรมการเชื่อมตามมาตรฐานอุตสาหกรรม มาตั้งแต่ปี 2562 ปัจจุบันมีผู้ผ่านการอบรมทั้งสิ้น 47 คน โดยมีอัตราการได้งานทำหลังการฝึกอบรมสูงถึงร้อยละ 75 ทั้งนี้ จากการดำเนินโครงการ มีผู้ผ่านการอบรม 24 คนที่ไดทำงานในฐานะผู้รับเหมากับอินโดมินโค
ในปี 2566 อินโดมินโคร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อปรับปรุงหลักสูตรการฝึกอบรมและขยายความครอบคลุมของผู้เข้ารับการฝึกอบรม ส่งผลให้มีผู้ได้รับเลือกและขยายความครอบคลุมของผู้เข้ารับการฝึกอบรม ส่งผลให้มีผู้ได้รับเลือกและอยู่ระหว่างการฝึกอบรมจำนวน 22 คน จาก 11 หมู่บ้าน โดยในจำนวนนี้มีผู้หญิง 5 คน โครงการนี้นอกเหนือจากการเสริมสร้างศักยภาพแรงงานท้องถิ่นแล้ว ยังส่งเสริมความหลากหลายทางเพศในสาขาวิชาชีพที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย นอกจากนี้ อินโดมินโคยังตั้งเป้าหมายที่จะจัดตั้งสมาคมศิษย์เก่าช่างเชื่อเพื่อส่งเสริมการแบ่งปันความรู้ และเพื่อความยั่งยืนของโครงการ
สถานที่
อินโดนีเซีย
ผู้ได้รับผลประโยชน์
คนท้องถิ่น 47 คน
ประโยชน์ที่บริษัทฯ ได้รับ
การจ้างงานคนท้องถิ่น 24 คน
ระยะเวลาโครงการ
5 ปี (2562-ปัจจุบัน)
ผลตอนแทนทางสังคม
1 : 3.40
การท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรมในอินโดนีเซีย
ในปี 2566 เหมืองเอ็มบาลุตในอินโดนีเซียได้ให้การสนับสนุนโครงการพัฒนาชุมชน 14 โครงการ โดยโครงการเหล่านี้มุ่งเน้นไปที่การท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรม เพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนของชุมชนท้องถิ่น ตัวอย่างโครงการ เช่น การพัฒนาสวนไม้ผล โรงเรือนปศุสัตว์ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรม บ่อเลี้ยงปลา และ จุดตกปลา เป็นต้น
จีน
โครงการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนพื้นที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
บริษัทฯ ได้ดำเนินโครงการพัฒนาชุมชนเพื่อส่งเสริมการสร้างความร่วมมือระหว่างบริษัทฯ กับชุมชนในพื้นที่โดยจากการปรึกษากับชุมชนพบว่าการพัฒนาโอกาสการจ้างงานในท้องถิ่นเป็นประเด็นหลักที่ชุมชนให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นการสร้างรายได้ให้ครอบครัว ดังนั้นบริษัทฯ จึงออกแบบโครงการพัฒนาชุมชนโดยการจ้างแรงงานท้องถิ่นมาทำงานภายในพื้นที่ของบริษัทฯ เพื่อช่่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นโดยลักษณะงานประกอบด้วย การกำจัดวัชพืช การทำความสะอาดแผงโซลาร์เซลล์ และขันน็อต อนึ่ง ผู้ปฏิบัติงานทุกคนจะได้รับการอบรมทักษะที่จำเป็นโดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยก่อนปฏิบัติหน้าที่
จำนวนผู้ได้รับประโยชน์
45 คน
ประโยชน์ที่ชุมชนได้รับ
• เพิ่มโอกาสในการมีงานทำและสร้างรายได้ให้ครอบครัว
• พัฒนาทักษะการทำงานให้กับชุมชน
• พัฒนาความสัมพันธ์กับชุมชน
โครงการพัฒนาชุมชนในประเทศจีน
โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศจีน จ้างคนในชุมชนมาเป็นแม่บ้านที่สำนักงาน ที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 5 แห่ง ประกอบด้วย Haoyuan, Deyuan, Jinshan, Huineng และ Huien.
โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ใน Jixin จ้างคนในชุมชนกำจัดวัชพืชและทำความสะอาดแผงโซลาร์เซลล์
โครงการส่งเสริมเศรษฐกิจในจีน
BIC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 7 แห่งในจีน มุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนและยกระดับคุณภาพชีวิตโดยเฉพาะอย่างยิ่งประชากรวัยกลางคนและผู้สูงอายุ ด้วยการสร้างโอกาสในการจ้างงาน
ในปี 2566 บริษัทฯ เปิดตัวโครงการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนที่โรงไฟฟ้าจีซิน โดยมีผู้ได้รับประโยชน์จำนวน 32 ราย โครงการนี้นอกเหนือจากการสร้างรายได้ให้ชุมชนแล้วยังเพิ่มความตระหนักรู้ด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมให้ผู้เข้าร่วมโครงการ ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธกิจของโรงไฟฟ้าในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
สถานที่
จีน
ผู้ได้รับผลประโยชน์
คนท้องถิ่น 32 คน
ระยะเวลาโครงการ
1 ปี (2566-ปัจจุบัน)
ออสเตรเลีย
เป้าหมายหลัก
1. พัฒนาความไว้วางใจในการดำเนินงานของ Centennial กับผู้ถือครองที่ดิน ชุมชนท้องถิ่น ชุมชนภูมิภาค กลุ่มชนพื้นเมือง องค์กรพัฒนาเอกชน รัฐบาล และผู้มีส่วนได้เสียอื่น ๆ ผ่านการมีส่วนร่วมและการสื่อสารที่ครอบคลุมและทันท่วงที
2. มีส่วนร่วมในความสัมพันธ์เชิงบวกในการทำงานกับผู้อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียง ชุมชนท้องถิ่น ชุมชนภูมิภาค กลุ่มชนพื้นเมือง องค์กรพัฒนาเอกชน รัฐบาล โดยคาดการณ์เชิงรุกและจัดการกับข้อกังวลเกี่ยวกับโครงการของเรา
3. ตอบสนองต่อข้อกังวลของชุมชนโดยการรวมความคิดเห็นของชุมชนเข้ากับการทบทวนทั้งภายในและภายนอกเป็นระยะๆ เกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมและการมีส่วนร่วมของชุมชน
4. มีส่วนร่วมและสนับสนุนการพัฒนาทุนทางสังคมและศักยภาพของท้องถิ่น และสนับสนุนองค์กรชุมชนท้องถิ่น
กองทุนชุมชนมันดาลอง
CEY จัดสรรเงินกองทุน 50,000 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อปี ให้กับกองทุนชุมชนมันดาลอง เพื่อสนับสนุนโครงการที่ริเริ่มโดยชุมชนซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อคนในท้องถิ่น เงินสนับสนุนจะอยู่ในรูปแบบการบริจาคเพื่อการกุศลสำหรับกิจกรรม เทศกาล เหตุการณ์อื่นๆ หรือการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน อุปกรณ์ โครงการต่างๆ
โครงการ Westlakes Pamper Care
Centennial ร่วมมือกับ Pamper Care Project, Five Bays Sustainable Neighborhood Group และ Woodrising Neighborhood Center ให้การสนับสนุนชุมชนกว่า 10 ครัวเรือน ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งการช่วยเหลือนี้นับว่าเป็นกิจกรรมที่สร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับคนในชุมชน
มองโกเลีย
มรดกทางวัฒนธรรมและประเพณี
Hunnu เข้าร่วมและให้การสนับสนุนการจัดงานในเทศกาล ”Naadam” เนื่องในโอกาสครบรอบ 98 ปี ในเขตอำเภอ Bayan-Ovoo จังหวัด Umnogovi
ศูนย์การแพทย์ในเขตอำเภอ Bayandun จังหวัด Dornod สนับสนุนเงินรางวัลการแข่งขันยิงธนู ในงานฉลองครบรอบ 90 ปี
โครงการทุนการศึกษา 2565
Hunnu มอบทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาในเขตอำเภอ Gurvansaikhan จำนวน 7 คน โดยนักศึกษาเหล่านี้ได้ผ่านการคัดเลือกจากระดับจังหวัด ซึ่งจัดร่วมกันระหว่างรัฐบาลท้องถิ่นและจังหวัด ในปี 2022
เหมือง TSANT-UUL มอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียน 4 ทุน และได้มีการทำสัญญาตกลงการจ้างงานจากอำเภอเป็นเวลา 5 ปี หลังจากสำเร็จการศึกษา
โครงการอาหารสัตว์เพื่อคนเลี้ยงสัตว์
ภายใต้ความร่วมมือกับ Bayan-Ovoo soum เหมือง Tsant-Uul ได้ให้การสนับสนุนอาหารสัตว์แก่เกษตรกรในหมู่บ้าน Nalikh bagh
โครงการทุนการศึกษา
ภายใต้ความร่วมมือกับ Ulziit Soum เหมือง Unst Khudag ได้ให้การสนับสนุนทุนการศึกษาแก่นักศึกษาใน Ulziit Soum
เวียดนาม
โครงการพัฒนาชุมชนในเวียดนาม
โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนามสนับสนุนการสร้างรายได้ให้กับชุมชน โดยจ้างคนในท้องถิ่นเพื่อทำความสะอาดแผงโซลาร์เซลล์
โครงการพัฒนาชุมชนในเวียดนาม: ตัดหญ้า
โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของเวียดนามใน Nhon Hai สนับสนุนโครงการสร้างรายได้ให้กับชุมชน โดยจ้างแรงงานท้องถิ่นตัดหญ้าในพื้นที่โรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์
โครงการพัฒนาชุมชนในเวียดนาม: ทำความสะอาดแผงโซลาร์เซลล์
โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของเวียดนามใน Nhon Haiสนับสนุนโครงการสร้างรายได้ให้กับชุมชน โดยจ้างแรงงานท้องถิ่นทำความสะอาดแผงโซลาร์เซลล์
สหรัฐอเมริกา
โครงการพัฒนาชุมชนในสหรัฐอเมริกา
• พนักงานจาก NEPA เป็นอาสาสมัครทุกเดือนที่ Seven Loaves Soup Kitchen เสิร์ฟอาหารอุ่นๆ แก่ครอบครัวที่ต้องการความช่วยเหลือ
• พนักงานใน Texas เป็นอาสาสมัครที่ Cowtown Race ในฐานะผู้สนับสนุนเชื้อเพลิงอย่างเป็นทางการ – จัดหาของว่างและน้ำเพื่อเติมพลังแก่นักวิ่ง – มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 20,000 คน
• พนักงานในเดนเวอร์เข้าร่วมการแข่งขัน Highland 5k และ 10K
NEPA – Seven Loaves Soup Kitchen
Denver – 5k and 10k runners
การสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนในสหรัฐฯ
BKV ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในสหรัฐฯ มุ่งมั่นในการเป็นหนึ่งพลังร่วมในสังคม โดยสานความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างเสริมความสัมพันธ์กับชุมชนที่อยู่ใกล้เคียงกับพื้นที่ที่ดำเนินธุรกิจ
ในปี 2566 BKV ได้ริเริ่มโครงการ “BKV First Responder Grant Program” หรือโครงการทุกสนับสนุนสำหรับผู้ตอบโต้เหตุฉุกเฉิน เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือกับหน่วยเผชิญเหตุฉุกเฉินในท้องถิ่น โดยการมอบงบประมาณสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของหน่วยเผชิญเหตุฉุกเฉิน โครงการนี้เริ่มต้นด้วยการเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับความปลอดภัยและแนวทางการปฏิบัติงาน เพื่อมองหาโอกาสในการดำเนินกิจกรรมร่วมกัน
ในการนี้ บริษัทฯ ส่งหนังสือเชิญเจ้าหน้าที่ตอบโต้เหตุฉุกเฉินในพื้นที่รัฐเท๊กซัสและเพนซิลเวเนียตะวันออกเฉียงเหนือให้สมัครขอรับทุนสนับสนุน โดยมีคณะกรรมการชุมชนสัมพันธ์เป็นผู้พิจารณาใบสมัครและได้มอบทุนงบประมาณสนับสนุนรวม 8 ทุน มูลค่ากว่า 30,000 เหรียญสหรัฐ
สถานที่
สหรัฐฯ
ผู้ได้รับผลประโยชน์
เจ้าหน้าที่ตอบโต้เหตุฉุกเฉิน 8 คน
ระยะเวลาโครงการ
1 ปี (2566-ปัจจุบัน)
การสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนในสหรัฐฯ
BKV ร่วมมือกับองค์กรท้องถิ่น เข้าร่วมกิจกรรมอาสาสมัครหลายงานทั่วโคโลราโด เท็กซัส และเพนซิลเวเนียในสัปดาห์อาสาสมัครแห่งชาติ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อาสาสมัครมารวมตัวกัน เพื่อใช้เวลาในการสร้างสรรค์ความหลากหลายในชุมชนของตน
โดยรวมแล้ว BKV ได้ร่วมทำงานอาสาสมัครมากกว่า 110 ชั่วโมง ทำให้สัปดาห์อาสาสมัครแห่งชาติประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม กิจกรรมเหล่านี้ช่วยให้พนักงานสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อตนเอง และบริษัทฯ ซึ่ง BKV ยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมให้โลกงดงามยิ่งขึ้น ผ่านการแสดงความมีน้ำใจอย่างต่อเนื่อง
เสียงสะท้อนจากชุมชน
Banpu_CE_Testimonial_Indonesia_TH
Banpu_CE_Testimonial_China_TH
Banpu_CE_Testimonial_USA_TH
มาตรฐานการดำเนินงานการมีส่วนร่วมกับชุมชน
การจัดการข้อร้องเรียนของชุมชน
การจัดการการโยกย้ายถิ่นฐาน
การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย
การดำเนินงานคณะกรรมการที่ปรึกษาชุมชน
การดำเนินงานการมีส่วนร่วมกับชนเผ่าพื้นเมือง
กิจกรรมชุมชนสัมพันธ์
การสำรวจการรับรู้ของชุมชน
แนวทางการวัดผลกระทบทางสังคม
การประเมินผลกระทบทางสังคม