ในช่วงปลายปี 2567 บ้านปูได้ประกาศกลยุทธ์ใหม่ ‘Energy Symphonics’ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของกลุ่มบ้านปูให้สอดรับกับเมกะเทรนด์ของโลก ด้วย 4 ภารกิจสำคัญ ดังนี้
1. ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ – ธุรกิจไฟฟ้า – การดักจับและกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization, and Sequestration: CCUS)
มุ่งเน้นการเติบโตด้วย ‘สูตรแห่งความสำเร็จ’ (Winning Formula) ที่ผสานธุรกิจก๊าซธรรมชาติต้นน้ำ โครงการ CCUS และการลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ เพื่อตอบโจทย์ความท้าทายด้านพลังงานในสหรัฐอเมริกา โดยในเดือนกันยายนที่ผ่านมา บ้านปูประสบความสำเร็จในการนำ BKV Corporation (BKV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจก๊าซธรรมชาติและธุรกิจไฟฟ้า เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (New York Stock Exchange: NYSE)
2. ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง (Renewables+)
บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาความไม่ต่อเนื่องของการส่งมอบพลังงาน (Intermittency) และเสถียรภาพ ของโครงข่ายไฟฟ้า ซึ่งจะเกิดขึ้นจากการเร่งเพิ่มกำลังผลิต พลังงานหมุนเวียนเป็น 3 เท่าตามเป้าหมายของ COP28 ภายในปี 2573 บ้านปูจึงเดินหน้าขยายการลงทุนในระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System: BESS) อย่างเต็มกำลัง ภารกิจที่สองนี้จะช่วยสร้าง การเติบโตและเพิ่มมูลค่าให้กับบ้านปู จากการที่ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เกือบ 1 กิกะวัตต์ การมีโรงงานผลิตแบตเตอรี่ การซื้อขายพลังงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และการลงทุนในระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ที่ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
3. พัฒนาธุรกิจเหมืองแร่ยุคใหม่
บริษัทฯ มุ่งตอบโจทย์ความต้องการพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นของ ศูนย์ข้อมูลและความกังวลเกี่ยวกับพลังงานหมุนเวียนที่ต้อง มีความต่อเนื่องและเชื่อถือได้ เราจึงอาศัยความเชี่ยวชาญในธุรกิจเหมืองของบ้านปูในภูมิภาคเอเชียเพื่อจัดการกับปัญหานี้ และพร้อมเดินหน้าธุรกิจเหมืองยุคใหม่โดยผสานการใช้โซลูชันอัจฉริยะและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิต รวมถึงกำลังศึกษาการลงทุนในแร่แห่งอนาคตที่สำคัญต่อเทคโนโลยีด้านพลังงานใหม่ๆ
4. เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2593
บ้านปูตั้งเป้าหมายบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 และมีหมุดหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของกลุ่มบ้านปูไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 รวมทั้งลดสัดส่วนกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) ที่มาจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง กับถ่านหินให้ต่ำกว่าร้อยละ 50 ภายในปี 2573
เทียบเท่าก๊าซธรรมชาติต่อวัน
พลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาและทุ่นลอยน้ำ