ผู้นำด้านพลังงานแห่งเอเชีย ที่มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยี และความยั่งยืน
บ้านปู คือผู้นำธุรกิจด้านพลังงานแบบครบวงจรแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ดำเนินธุรกิจ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน (ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ รวมถึงงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การตลาด การค้า โลจิสติกส์ การจัดหาเชื้อเพลิง สายส่ง) กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน (โรงไฟฟ้าจากพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป และจากพลังงานหมุนเวียน) และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน (ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจร ระบบจัดเก็บพลังงาน และระบบการจัดการเทคโนโลยีพลังงาน) ใน 9 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย จีน ออสเตรเลีย ลาว มองโกเลีย ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม บริษัทฯ มุ่งสร้างความเติบโตและความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศทางธุรกิจด้วยการดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ Greener & Smarter ที่เน้นการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ควบคู่ไปกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้อย่างชาญฉลาด ไปพร้อมๆ กับเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจให้สอดคล้องกับเทรนด์พลังงานรูปแบบใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการดำเนินงานและสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงานของผู้บริโภค ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ภายในปี 2568 กลุ่มบ้านปูตั้งเป้าหมายกำลังผลิตไฟฟ้ารวมจำนวน 6,100 เมกะวัตต์ โดยมีสัดส่วนพลังงานสะอาด 1,600 เมกะวัตต์ โดยกลุ่มบ้านปูยังคงแสวงหาโอกาสในการลงทุนและพัฒนาโครงการ ทั้งในประเทศที่ดำเนินธุรกิจอยู่ รวมถึงประเทศอื่นๆ ที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว
ในปี 2565 มีปริมาณการขายถ่านหินจำนวน 35.2 ล้านตัน จากเหมืองในประเทศอินโดนีเซียจำนวน 19.6 ล้านตัน เหมืองในประเทศออสเตรเลียตามวิธีสัดส่วนจำนวน 8.5 ล้านตัน และจากเหมืองในประเทศจีนตามวิธีสัดส่วนและรวมธุรกิจซื้อขายถ่านหินจำนวน 7 ล้านตัน
โรงไฟฟ้าหงสาเป็นโรงไฟฟ้าปากเหมืองที่ใช้พลังงานถ่านหินลิกไนต์ มีกำลังผลิตติดตั้งรวม 1,878 เมกะวัตต์ โดยมีระยะเวลาในการซื้อขายไฟฟ้า 25 ปี นับตั้งแต่วันที่เริ่มซื้อขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าหงสาประกอบด้วยหน่วยผลิตไฟฟ้า 3 หน่วย หน่วยละ 626 เมกะวัตต์ หน่วยการผลิตที่ 1 เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2558 หน่วยการผลิตที่ 2 เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2558 และหน่วยการผลิตที่ 3 เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2559
บ้านปูฯ ดำเนินธุรกิจตามหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยให้ความสำคัญทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล หรือ ESG มาตลอด 4 ทศวรรษ ตามปณิธานในการดำเนินธุรกิจที่ว่า “Our Way in Energy: พลังบ้านปูฯ สู่พลังงานที่ยั่งยืน” เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางธุรกิจของบริษัทฯ ไปพร้อม ๆ กับการสร้างประโยชน์และผลตอบแทนที่ดีอย่างยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม
บริษัทฯ มีนโยบายที่จะจ่ายเงินปันผลประมาณร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิของงบการเงินรวม หลังหักเงินสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทที่กฎหมายและบริษัทฯ ได้กำหนดไว้ อย่างไรก็ตามอัตราการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับกระแสเงินสดและภาระการลงทุนของบริษัทฯ และบริษัทในเครือ รวมถึงข้อจำกัดทางกฎหมายและความจำเป็นอื่นๆ บริษัทย่อยมีนโยบายจ่ายเงินปันผลจากผลกำไรสุทธิจากการประกอบกิจการหลังหักสำรอง ตามที่กฎหมายกำหนดโดยคณะกรรมการจะพิจารณาถึงกำไรจากการดำเนินงาน เงื่อนไขทางการเงินและความต้องการเงินทุนและเสนอผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติการจ่ายเงินปันผล
มติของคณะกรรมการเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 ได้กำหนดจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นตามนโยบายการจ่ายเงินปันผล งวดวันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2565 ในอัตราหุ้นละ 1.20 บาท โดยเป็นการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับครึ่งแรกของปี 2565 หุ้นละ 0.45 บาท ในวันที่ 30 กันยายน 2565 และจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานของครึ่งปีหลัง หุ้นละ 0.75 บาท ในวันที่ 28 เมษายน 2566
ผู้ถือหุ้นของบ้านปู จะไม่ได้รับการเครดิตภาษีเงินปันผลในรอบที่ผ่านมา เพื่อใช้ในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เนื่องจากเป็นการจ่ายจากเงินปันผลหรือส่วนแบ่งของกำไรที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเป็นรายได้เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล