บ้านปูฯ เผยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจปี 56
บ้านปูฯ เผยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจปี 2556 เน้นสร้างฐานธุรกิจหลักให้แข็งแรง มุ่งสร้างการเติบโตจากสินทรัพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งปรับปรุงประสิทธิภาพทางการเงิน ในขณะเดียวกันยังคงเดินหน้าลดต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวประจำปีว่า ปี 2555 ที่ผ่านมานั้น ถือเป็นปีที่ท้าทายสำหรับอุตสาหกรรมถ่านหินทั่วโลก เนื่องจากราคาเฉลี่ยของถ่านหินประเภทให้ความร้อนในตลาดลดต่ำลงกว่าร้อยละ 20 อันเป็นผลเนื่องจากปริมาณถ่านหินส่งออกของสหรัฐอเมริกาพุ่งสูงขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์ และจากความต้องการใช้ก๊าซเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการผลิตเชลล์แก๊สที่มีมากขึ้น ประกอบกับปริมาณการผลิตถ่านหินในประเทศอินโดนีเซียและออสเตรเลียยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของบ้านปูฯ นั้น ได้ตัดสินใจเลื่อน หรือลดแผนการใช้เงินลงทุนที่ไม่จำเป็นออกไปก่อน เน้นมาตรการบริหารต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตของแหล่งถ่านหินในอินโดนีเซีย และออสเตรเลีย รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายในระดับองค์กรโดยรวมเพื่อรองรับสภาวะราคาถ่านหินอ่อนตัว ซึ่งจากการดำเนินมาตรการดังกล่าวส่งผลให้บริษัทฯ สามารถเผชิญกับความท้าทายในช่วงปีที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี
สำหรับในปี 2556 นี้ แม้ว่าจะเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของราคาถ่านหิน แต่บ้านปูฯ ยังคงต้องดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง โดยมุ่งเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ “ธุรกิจหลัก” และสร้างการเติบโตจากสินทรัพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งปรับปรุงประสิทธิภาพทางการเงิน โดยจะยังคงลดและใช้จ่ายอย่างสมเหตุสมผล เพิ่มผลผลิต พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ปรับปรุงระบบการทำงาน และพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้บ้านปูฯ จะประสานความแข็งแกร่งทางการตลาดระหว่างธุรกิจถ่านหินในอินโดนีเซียและออสเตรเลีย ผสานโอกาสระหว่างธุรกิจถ่านหินและไฟฟ้า รวมทั้งธุรกิจถ่านหินในมองโกเลียและจีน
ทั้งนี้บ้านปูฯ ตั้งเป้าหมายการผลิตถ่านหินในปี 2556 ที่ประมาณ 48 ล้านตัน เพิ่มขึ้นประมาณ 4.2 ล้านตันจากปี 2555 โดยมาจากแหล่งผลิตในอินโดนีเซีย 29 ล้านตัน ออสเตรเลีย 15 ล้านตัน และจีนอีกประมาณ 3 ล้านตัน ซึ่งปริมาณถ่านหินที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากปริมาณการผลิตถ่านหินที่เพิ่มขึ้นจากเหมืองบารินโตในอินโดนีเซีย และเหมืองเกาเหอในประเทศจีน
“ในปีนี้แหล่งถ่านหินในอินโดนีเซีย จะยังคงมุ่งเน้นมาตรการลดค่าใช้จ่ายลงอีกร้อยละ 10 โดยการลดอัตราการเปิดหน้าดินให้ต่ำลง รวมทั้งเพิ่มกำลังการผลิต ซึ่งจะมีส่วนช่วยชดเชยราคาขายถ่านหินที่อ่อนตัว นอกจากนี้ยังเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเดิมที่มีอยู่แล้วทั้งท่าเรือและถนนขนส่งถ่านหิน” นายชนินท์กล่าว
สำหรับแหล่งผลิตถ่านหินในออสเตรเลียนั้น นายชนินท์กล่าวว่า ในปีนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการเพิ่มปริมาณการผลิตเป็น 15 ล้านตัน ดำเนินมาตรการลดระยะเวลาในการเคลื่อนย้ายเครื่องจักร Longwall ให้สั้นลง รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลงอีกประมาณร้อยละ 5-7
ส่วนแหล่งผลิตถ่านหินในจีน เหมืองเกาเหอตั้งเป้าการผลิตในปีนี้อยู่ที่ 6 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2 ล้านตัน และอยู่ระหว่างการจัดหาที่ดินเพื่อสร้างรางรถไฟสำหรับขนส่งถ่านหิน ส่วนการผลิตของเหมืองเฮ่อปี้จะกลับมาผลิตได้ตามปกติ สำหรับมองโกเลีย บ้านปูฯ ยังอยู่ระหว่างการสำรวจและศึกษาความเป็นไปได้ของแหล่งถ่านหิน และตลาดถ่านหินอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เหมืองซานต์อูลมีแผนจะเริ่มผลิตถ่านหินในปีหน้าและกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาความเป็นไปได้ในการจำหน่ายถ่านหินให้กับอุตสาหกรรมผลิตเคมีจากถ่านหินในประเทศจีน นอกเหนือจากการจำหน่ายให้กับอุตสาหกรรมไฟฟ้า
นอกจากนี้บ้านปูฯ ยังดำเนินการปรับปรุงประสิทธิภาพทางการเงินโดยการจัดโครงสร้างและปรับกลยุทธ์ด้านเงินทุนให้เหมาะสม ซึ่งรวมถึงมาตรการในการซื้อหุ้นของบริษัทฯ คืน ในช่วงที่ราคาหุ้นลดต่ำลง การลดปริมาณหนี้สินรวม การยืดกำหนดระยะเวลาการชำระหนี้ และเพิ่มสัดส่วนหนี้ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ตลอดจนกระจายหนี้สินไปอยู่ในกลุ่มบริษัทย่อยที่ถือทรัพย์สินอยู่โดยตรง เป็นต้น
“ผมเชื่อว่า บ้านปูฯ กำลังเดินหน้าไปด้วยดี และจะสามารถข้ามผ่านความท้าทายต่างๆ ในอนาคต รวมทั้งสามารถตอบรับกับโอกาสที่ดีจากราคาถ่านหินที่กระเตื้องขึ้น ตลอดจนโอกาสที่จะเติบโตอย่างเต็มที่ในอนาคต โดยปรัชญาการทำงานของเรานั้น ไม่ใช่เพียงแค่เตรียมรับวิกฤติและรอรับโอกาส หากแต่มุ่งมั่นสร้างสิ่งที่ดีที่สุดจากทั้งภาวะวิกฤติและโอกาส” นายชนินท์กล่าวปิดท้าย