By clicking “Accept All Cookies”, you agree to the storing of cookies on your device to enhance site navigation, analyze site usage, and assist in our marketing efforts.
Cookies Settings
บ้านปูฯ เดินหน้าลดต้นทุนการผลิตต่อเนื่อง เน้นใช้ “นวัตกรรม” สร้างความสามารถในการแข่งขันและขยายธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต

บ้านปูฯ เดินหน้าลดต้นทุนการผลิตต่อเนื่อง เน้นใช้ “นวัตกรรม” สร้างความสามารถในการแข่งขันและขยายธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต

นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู (จำกัด) มหาชน กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวประจำปีที่ จ. ระยองว่า ในช่วงสองปีที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงที่ราคาถ่านหินทั่วโลกอ่อนตัวลง บ้านปูฯ ได้ดำเนินการปรับต้นทุน ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และส่งเสริมการผนึกกำลังของธุรกิจถ่านหินที่บริษัทฯ ดำเนินงานอยู่ในระดับภูมิภาคเพื่อรองรับสถานการณ์ดังกล่าว นอกจากนี้ ผลประกอบการที่ดีของธุรกิจไฟฟ้า สามารถช่วยเพิ่มกระแสเงินสดที่จำเป็นแก่บริษัทฯ ในช่วงที่ราคาถ่านหินอ่อนตัว ทั้งนี้ธุรกิจไฟฟ้าจะยังคงมีบทบาทสำคัญต่อความยั่งยืนและยุทธศาสตร์การเติบโตของบ้านปูฯ ต่อไปในระยะยาว

“ดัชนีราคาถ่านหินเฉลี่ยในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก ในปี 2555 และ2556 ลดลงประมาณร้อยละ 20 และร้อยละ 13 จากปีก่อนหน้าตามลำดับ มาตรการต่างๆ ที่บ้านปูฯ ได้ดำเนินการโดยเฉพาะการลดต้นทุนการผลิต ช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้แก่บริษัทฯ ในการรับมือกับความท้าทายที่ธุรกิจกำลังเผชิญอยู่ และยังจะช่วยเพิ่มผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาวอีกด้วย เนื่องจากความต้องการพลังงานในภูมิภาคเอเชียยังคงเติบโต” นายชนินท์ กล่าว

ในปี 2556 ที่ผ่านมาฐานการผลิตของบริษัทฯ ทั่วทั้งภูมิภาคประสบความสำเร็จในการดำเนินมาตรการลดค่าใช้จ่ายลง โดยแหล่งผลิตถ่านหินทั้งหมดในอินโดนีเซียสามารถลดต้นทุนรวมได้ร้อยละ 11 จาก 70 เหรียญสหรัฐต่อตันในปี 2555 เป็น 62 เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวเกิดจากการปรับแผนการทำเหมือง การลดอัตราส่วนการเปิดหน้าดินต่อถ่านหินที่แหล่งผลิตหลักๆ ลง การลำเลียงถ่านหินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และการใช้เชื้อเพลิงที่ลดลงของท่าเรือบอนตังจากการใช้พลังงานไฟฟ้าในกระบวนการขนถ่ายถ่านหิน รวมทั้งการบริหารตารางเรือขนถ่ายถ่านหินที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันกลุ่มเหมืองถ่านหินในออสเตรเลียสามารถบริหารต้นทุนเงินสดได้เป็นอย่างดีตลอดทั้งปี จนสามารถลดต้นทุนลงมาอยู่ที่ 52 เหรียญออสเตรเลียต่อตัน หรือลดลงร้อยละ 2 จากปีก่อนหน้า

สำหรับในปี 2557 นี้ บ้านปูฯ ตั้งเป้าหมายการผลิตและจำหน่ายถ่านหินจากแหล่งผลิตในประเทศอินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และจีน รวมประมาณ 47 ล้านตัน โดยบริษัทฯ จะยังคงเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และระบบการขนส่ง เพื่อลดต้นทุนการผลิตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้แหล่งผลิตถ่านหินในอินโดนีเซียและออสเตรเลียตั้งเป้าหมายลดต้นทุนลงอีกร้อยละ 5 และร้อยละ 4 ตามลำดับในปีนี้

“การใช้ระบบสายพานลำเลียงที่เหมืองอินโดมินโคฝั่งตะวันออก การเจรจาสัญญาเช่าเรือที่เหมืองทรูบาอินโด และมาตรการลดค่าใช้จ่ายอื่นๆ จะช่วยให้ต้นทุนการผลิตในปี 2557 ของ บริษัท PT Indo Tambangraya Megah Tbk (ITM) อยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ ITM กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาการเปลี่ยนเชื้อเพลิงสำหรับรถบรรทุกจากน้ำมันดีเซลเป็นก๊าซธรรมชาติเหลว รวมทั้งความเป็นไปได้ในการปรับมาใช้ระบบไฟฟ้าในกระบวนการผลิตเพิ่มเติม ซึ่งมาตรการต่างๆ เหล่านี้จะช่วยปรับโครงสร้างต้นทุนการผลิตลงได้อีก” นายชนินท์อธิบาย

สำหรับในออสเตรเลียนั้น นายชนินท์ กล่าวว่าการติดตั้งอุปกรณ์ชุดใหม่ที่เหมืองแมนดาลอง เหมืองไมยูนา และเหมืองสปริงเวล น่าจะช่วยเพิ่มปริมาณการผลิตให้สูงขึ้น ในขณะที่การจัดประสิทธิภาพการขนส่งที่เกี่ยวเนื่องกับระบบทางรถไฟและท่าเรือที่ดีขึ้นจะช่วยลดค่าใช้จ่ายโดยรวม

ส่วนในประเทศมองโกเลีย บ้านปูฯ ยังคงศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาเหมืองที่ซานต์อูล (ถ่านหินประเภทเชื้อเพลิงให้ความร้อน) และอัลไต นูร์ส (ถ่านหินที่ใช้ในการถลุงเหล็ก) โดยได้ดำเนินการทดสอบการแปลงถ่านหินจากโครงการซานต์อูลเป็นเคมี (Coal to Chemical) ซึ่งมีผลลัพธ์ที่ดี และในปี 2557 นี้จะมีการสร้างโรงงานนำร่องการผลิตขึ้น รวมทั้งการทดสอบตลาดและวิเคราะห์ศักยภาพทางเศรษฐกิจของโครงการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาโรงงานเพื่อการผลิตเชิงพาณิชย์ต่อไปในปีหน้า

นายชนินท์ กล่าวอีกว่า แม้ว่าราคาถ่านหินจะอ่อนตัวลงในระยะสั้น แต่ในภาพรวมราคาถ่านหินน่าจะค่อยๆ ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เนื่องจากเศรษฐกิจของเอเชียยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง การใช้ถ่านหินในอินเดีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์จะสูงขึ้นอย่างมากในอีก 20 ปีข้างหน้า

“จากโครงสร้างด้านต้นทุนที่ต่ำลงและการปรับการบริหารให้มีความกระชับมากขึ้น ส่งผลให้บ้านปูฯ มีความพร้อมที่จะสร้างประโยชน์สูงสุดจากธุรกิจถ่านหิน โดยเฉพาะเมื่อราคาถ่านหินปรับตัวขึ้นตามวัฏจักรของธุรกิจอีกครั้ง อันจะนำมาซึ่งผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้นต่อไป” นายชนินท์ กล่าว

ในอนาคตการดำเนินธุรกิจของบ้านปูฯ จะยังคงเน้นที่ธุรกิจพลังงานถ่านหินในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยบริษัทฯ จะแสวงหาแนวทางใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจถ่านหินทั้งจากแหล่งถ่านหินที่มีอยู่ในปัจจุบัน และจากแหล่งถ่านหินใหม่ๆ นอกจากนี้ จะยังคงมุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่องให้กับเหมืองถ่านหินของบริษัทฯ รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพและขยายการจัดการด้านโครงสร้างพื้นฐานและการขนส่ง ตลอดจนการหาช่องทางในการประสานกลยุทธ์ด้านการตลาด การขาย และการผสมถ่านหินในระดับภูมิภาค นอกจากนี้บริษัทฯ ยังศึกษาการขยายธุรกิจจากการผลิตถ่านหินสู่การพัฒนาพลังงานไฟฟ้าจากถ่านหิน การเปลี่ยนถ่านหินเป็นผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ตลอดจนการใช้ถ่านหินในการถลุงเหล็กเป็นต้น

สำหรับแนวคิดด้านกลยุทธ์ของบ้านปูฯ ในอนาคตนั้น นายชนินท์ กล่าวว่า บ้านปูฯ เน้นการใช้ “นวัตกรรม” ซึ่งเป็นหนึ่งในค่านิยมร่วมองค์กร “บ้านปู สปิริต” ในการพัฒนาธุรกิจ รวมถึงแผนกลยุทธ์เพื่อการเติบโต จึงไม่ได้จำกัดอยู่ที่ธุรกิจพลังงานถ่านหินเพียงแต่อย่างเดียวเท่านั้น ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ทำการศึกษาเทคโนโลยีด้านพลังงานใหม่ๆ อีกมากมาย โดยมีวัตถุประสงค์ไม่ใช่เพียงเพื่อประเมินผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะยาวต่ออุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิล แต่เพื่อสำรวจตลาดพลังงานใหม่ๆ ที่น่าสนใจสำหรับการลงทุน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและลดความเสี่ยงต่างๆ

บริษัท บ้านปู (จำกัด) มหาชน เป็นหนึ่งในบริษัทพลังงานชั้นแนวหน้าของเอเซีย ดำเนินธุรกิจหลักทางด้านพลังงานถ่านหินและพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง มีฐานธุรกิจใน 6 ประเทศ คือ ไทย ลาว อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย จีน และมองโกเลีย

© 2024 บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) | Banpu Public Company Limited. All rights reserved.