เยาวชนชาว “ค่ายเพาเวอร์กรีน 3” โชว์พลัง “ลดโลกร้อนด้วยสองมือเรา” ในช่วงปิดเทอมเดือนตุลาคม
13 – 19 ตุลาคม 2551: “ค่ายเพาเวอร์กรีน 3” ค่ายเยาวชนวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมเปิดประตูต้อนรับ อนาคตนักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมรุ่นเยาว์จากทั่วประเทศที่เดินทางมาร่วมกิจกรรมเรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมภายใต้แนวคิด “ลดโลกร้อนด้วยสองมือเรา” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-19 ตุลาคม 2551 ณ คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขต ศาลายา ทั้งนี้เพื่อเรียนรู้ถึงปัญหาสภาวะโลกร้อนและร่วมหาแนวทางลดความรุนแรงของปัญหาตามหลักวิทยาศาสตร์
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สิทธิพงษ์ ดิลกวณิช คณบดีคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นผู้ดำเนินโครงการ “ค่ายเพาเวอร์กรีน” กล่าวว่า ปัญหา“สภาวะโลกร้อน” ที่ทุกประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้นั้น นับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสาเหตุสำคัญของปัญหาเกิดจากการกระทำของมนุษย์ ดังนั้น หากเราเริ่มต้นปลูกจิตสำนึกรักสิ่งแวดล้อมและสอนให้เยาวชนได้เรียนรู้ถึงสาเหตุและวิธีลดโลกร้อนด้วยความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการช่วยลดสภาวะโลกร้อนและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้
“ในปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 3 ของ ”ค่ายเพาเวอร์กรีน” เราจึงได้นำเรื่อง “สภาวะโลกร้อน” มาเป็นประเด็นหลักให้เยาวชนชาว “ค่ายเพาเวอร์กรีน 3” ได้ศึกษาและคิดค้นหาวิธีการแก้ไข รวมทั้งหาวิธีการป้องกันปัญหาที่อาจจะตามมาจากภาวะโลกร้อนอย่างเป็นระบบด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่พวกเขาได้เรียนรู้และฝึกปฏิบัติจริงจากห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ และแหล่งเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมนอกห้องเรียน ซึ่งเราหวังว่า “ค่ายเพาเวอร์กรีน” จะมีส่วนไม่มากก็น้อยในการช่วยลดภาวะโลกร้อน”
โดยตลอดระยะเวลา 7 วันของการเข้าค่ายฯ สมาชิกชาว “ค่ายเพาเวอร์กรีน 3” ได้มีโอกาสเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและการปฏิบัติจริงนอกห้องเรียนเกี่ยวกับสภาวะโลกร้อน ซึ่งเริ่มต้นจากการบรรยายเรื่อง “มนุษย์กับโลกร้อน” โดยอดีตนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังจากองค์การนาซา และผู้เชี่ยวชาญทางด้านโลกร้อน ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา สำหรับกิจกรรมที่ขาดไม่ได้และถือเป็นหัวใจสำคัญของ “ค่ายเพาเวอร์กรีน” ตามคำนิยามของค่ายฯ ที่ว่า “วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม เรียนรู้สู่การปฏิบัติ” ก็คือ กิจกรรมภาคปฏิบัติ ซึ่งในปีนี้ สมาชิกค่ายฯ ทั้ง 62 คนได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมปฏิบัติการวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมในหัวข้อ “Together we make change” โดยการศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางด้านภูมิอากาศผ่านการดู“วงปีไม้” ด้วยเครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย เพื่อวิเคราะห์หาสภาพอากาศในอดีตและปัจจุบัน รวมไปถึงการทำนายการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในอนาคต ในขณะเดียวกันชาว “ค่ายเพาเวอร์กรีน 3” ยังได้ศึกษาหาปริมาณฝุ่นในอากาศซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเพิ่มสูงขึ้นของอุณหภูมิของโลก ตลอดจนเรียนรู้วิธีใช้โปรแกรม Google Earth เพื่อศึกษาข้อมูลทางภูมิศาสตร์ในสถานที่ต่างๆ จากแผนที่ภาพถ่ายทางดาวเทียม และการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศอย่างเฉียบพลัน โดยยกตัวอย่างกรณีศึกษาพายุนาร์กีส
นอกเหนือจากการเรียนรู้เกี่ยวกับสภาวะโลกร้อนในห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมอันทันสมัยแล้ว น้อง ๆ ชาว “ค่ายเพาเวอร์กรีน 3” ยังได้มีโอกาสเปิดประสบการณ์ใหม่ด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานด้วยการไปทัศนศึกษา ณ อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร จังหวัดเพชรบุรี เพื่อเรียนรู้เรื่องการอนุรักษ์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม และเยี่ยมชมระบบนิเวศน์ของป่าชายเลนและป่าบกในห้องเรียนธรรมชาติ นอกจากนี้ “ค่ายเพาเวอร์กรีน 3” ยังเปิดเวทีให้น้องๆ เยาวชนได้แสดงพลังความคิดสร้างสรรค์และถ่ายทอดความรู้เรื่องโลกร้อนสู่สาธารณชนในงานแสดงนิทรรศการโครงงานกลุ่มวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมเรื่อง “ลดโลกร้อนด้วยสองมือเรา” ที่จะจัดขึ้น ณ ห้างเทสโก้ โลตัส ศาลายา ในวันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม นี้
ทางด้านนางอุดมลักษณ์ โอฬาร ผู้อำนวยการสายอาวุโสสายสื่อสารองค์กรและกิจการสัมพันธ์ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนโครงการ “ค่ายเพาเวอร์กรีน” มาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 3 ปี กล่าวว่า บ้านปูฯ มองว่า “ค่ายเพาเวอร์กรีน” เป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างให้เยาวชนได้รู้จักคิดวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ รวมทั้งการรู้จักทำงานเป็นทีม ซึ่งตรงนี้ถือเป็นคุณสมบัติสำคัญสำหรับนักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม โดยบริษัทบ้านปูฯ หวังว่า น้อง ๆ เยาวชนเหล่านี้จะนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจาก “ค่ายเพาเวอร์กรีน 3”ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน และแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชนของตนเองอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป โดยเฉพาะปัญหาสภาวะโลกร้อนที่ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง