นักลงทุนมั่นใจบ้านปู จองซื้อหุ้นกู้เกินกว่า 4 เท่า
นักลงทุนสถาบันสั่งจองหุ้นกู้บ้านปูฯ ที่ออกจำหน่ายในสัปดาห์ที่ผ่านมา เกินกว่า 4 เท่าของยอดจำหน่าย มั่นใจธุรกิจยังเติบโตได้ดี
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัทบ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามที่บ้านปูฯ ออกหุ้นกู้สกุลเงินบาท ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน อายุ 7 ปี มูลค่า 3,000 ล้านบาท และ อายุ 10 ปี มูลค่า 3,000 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 6 พันล้านบาท โดยได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้อายุ 7 ปีที่ร้อยละ 4.73 ต่อปี และ 10 ปี ที่ร้อยละ 4.94 ต่อปี และได้เสนอขายให้แก่นักลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนซึ่งได้แสดงความต้องการลงทุนเข้ามามากกว่ามูลค่าหุ้นกู้ที่บริษัทฯ ตั้งใจจะออกกว่า 4 เท่า โดยหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AA- (Stable Outlook) จากบริษัท ทริสเรตติ้ง จำกัด
“ยอดการจองหุ้นกู้ที่เกินกว่ามูลค่าที่จำหน่ายจริงถึงกว่า 4 เท่านั้น แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อบ้านปูฯ และการที่หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับเรทติ้งที่ดี จากทริสฯ ก็แสดงถึงความเป็นผู้นำของบ้านปูฯ ในอุตสาหกรรมถ่านหิน และความสามารถในการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งของเรา” นางสมฤดี กล่าว
สำหรับการจำหน่ายถ่านหินท่ามกลางภาวะราคาในตลาดโลกที่ลดลงขณะนี้นั้น นางสมฤดี มั่นใจว่าการจำหน่ายถ่านหินของบ้านปูฯ ในปีนี้จะเป็นไปตามแผนและเป้าหมายที่ตั้งไว้ การส่งมอบเป็นไปตามปกติ เพราะบ้านปูฯ มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง โดยได้มีการกำหนดราคาถ่านหินไปแล้วมากกว่าร้อยละ 70 ของสัญญาซื้อ-ขายถ่านหินทั้งหมด ดังนั้นจึงมั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ในขณะที่การจ่ายเงินปันผลจะมีความสม่ำเสมอและต่อเนื่องเช่นกัน
“ในสภาวการณ์เช่นนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงโดยเฉพาะด้านราคา ตลอดจนบริหารต้นทุนการผลิต จึงคาดว่าจะยังคงรักษาระดับ Margin ได้ที่ประมาณร้อยละ 48 นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีงบดุลที่แข็งแกร่งและสถานะทางการเงินมั่นคง จึงคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา” นางสมฤดี กล่าวย้ำ
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าผู้ซื้อถ่านหินในประเทศจีนยกเลิกการรับมอบถ่านหิน หรือผิดนัดชำระค่าถ่านหินและสินแร่เหล็กที่ได้สั่งล่วงหน้าเนื่องจากราคาถ่านหินที่ปรับตัวลดลงในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น นางสมฤดีกล่าวว่าลูกค้าที่ผิดนัดชำระหรือยกเลิกการรับมอบถ่านหิน เป็นผู้ค้าถ่านหิน (Trader) รายเล็ก ไม่ใช่ผู้ใช้ถ่านหิน (End user) โดยเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นกับบ้านปูฯ เพราะลูกค้าเป็นผู้ใช้ถ่านหินรายใหญ่ ไม่ใช่ Trader รายเล็ก
สำหรับความกังวลเกี่ยวกับถ่านหินจากสหรัฐอเมริกา ที่จะเข้ามาตีตลาดในเอเชียนั้น นางสมฤดีมองว่า ภาวการณ์ดังกล่าวในระยะยาวคงแข่งขันกับผู้ค้าในตลาดเอเชียได้ยาก เนื่องจากต้นทุนการผลิตถ่านหินของอเมริกายังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าต้นทุนการผลิตถ่านหินในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นฐานธุรกิจหลักของบ้านปูฯ นอกจากนี้ค่าขนส่งและระยะทางจะเป็นอุปสรรคสำหรับถ่านหินจากสหรัฐอเมริกา
“จากต้นทุนการผลิตที่สูงกว่า ประกอบกับค่าขนส่งที่มากกว่าเนื่องจากระยะทางที่ไกลกว่า จึงไม่คิดว่าถ่านหินจากอเมริกาจะสามารถตีตลาดในเอเชียได้ นอกจากนี้ถ่านหินจากอเมริกายังเป็นถ่านหินคุณภาพต่ำ ซึ่งไม่ใช่ตลาดเดียวกับถ่านหินของบ้านปูฯ ที่เป็นถ่านหินคุณภาพสูงประเภทบิทูมินัส และซับบิทูมินัส” นางสมฤดี กล่าวปิดท้าย