บ้านปูฯ มีผลการดำเนินงานที่ดีในไตรมาส 2 แม้ราคาถ่านหินในตลาดอ่อนตัว
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ออกแผนรองรับสถานการณ์ราคาถ่านหินในตลาดที่อ่อนตัวลง และประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2554 ที่ผ่านมา นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า บ้านปูฯ มีประสบการณ์ในธุรกิจพลังงานมานานเกือบสามทศวรรษ และได้ผ่านวิกฤติเศรษฐกิจ รวมทั้งเผชิญกับภาวะถดถอยในช่วงสั้น ๆ มาแล้วหลายครั้ง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ สามารถผ่านพ้นวิกฤติดังกล่าวมาได้ด้วยดี และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น
“บ้านปูฯ มีกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ โดยไม่ได้เน้นเฉพาะแต่สร้างการเติบโตทางธุรกิจแต่เพียงอย่างเดียว แต่เรายังให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วย ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความคล่องตัวและให้ความใส่ใจกับการบริหารความเสี่ยง การวางแผนรองรับสถานการณ์ความไม่แน่นอนต่างๆ และการบริหารจัดการทางการเงิน ทั้งนี้ เรา (บ้านปูฯ) มีความแตกต่างจากบริษัทอื่นๆ เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้ที่มั่นคงจากทั้งธุรกิจไฟฟ้า และการขายถ่านหินป้อนตลาดในประเทศ ซึ่งสามารถช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้แก่บริษัทฯ ในสภาวะที่ราคาถ่านหินอ่อนตัวลง ดังจะเห็นได้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ประมาณ 1 ใน 3 ของผลกำไรจากการดำเนินงานของบ้านปูฯ มาจากธุรกิจไฟฟ้า และการขายถ่านหินให้แก่ตลาดภายในประเทศ ส่วนอีก 2 ใน 3 มาจากการส่งออกถ่านหินไปยังกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหญ่ที่มีความน่าเชื่อถือและได้รับความไว้วางใจสูง” นายชนินท์กล่าว
นายชนินท์ กล่าวอีกว่า ในสภาวะที่ราคาถ่านหินในตลาดปรับตัวลดลง บ้านปูฯ ได้ดำเนินมาตรการเพิ่มเติม ด้วยการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และเลื่อนแผนการใช้เงินลงทุนในบางโครงการที่ไม่จำเป็นออกไปก่อน จึงทำให้มั่นใจได้ว่าจะช่วยลดผลกระทบต่อผลการดำเนินงาน และทำให้งบดุลของบริษัทฯ มีความมั่นคงหากราคาถ่านหินในตลาดโลกอ่อนตัวลงอีก
ทั้งนี้ในไตรมาส 2/2555 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีกำไรก่อน ดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย หรือ EBITDA จำนวน 7,227 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย (ร้อยละ 1) จากไตรมาส 1ของปีนี้ โดยผลการดำเนินงานที่ดีเป็นผลมาจากปริมาณขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้นจากเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย และกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัย สำคัญจากธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งสามารถช่วยชดเชยประเด็นปัญหาด้านการผลิตถ่านหินของ Centennial ในประเทศออสเตรเลีย รวมทั้งภาวะราคาถ่านหินในตลาดโลกปรับตัวลดลงได้
แม้ว่าราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของเหมืองถ่านหินในประเทศอินโดนีเซียในไตรมาสนี้จะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 95 เหรียญสหรัฐต่อตัน แต่ปริมาณการขายถ่านหินจากแหล่งดังกล่าวเพิ่มขึ้นกว่า 1 ล้านตันจากไตรมาส 1 ของปีนี้ เป็นผลจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นของเหมืองอินโดมินโค และเหมืองทรูบาอินโด โดยปริมาณการผลิตถ่านหินจากแหล่งผลิตในอินโดนีเซียในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา มีจำนวน 6.8 ล้านตัน และมีเป้าหมายการผลิตถ่านหินในไตรมาส 3 ที่ 7.2 ล้านตัน และ 27 ล้านตันในปีนี้ ทั้งนี้ธุรกิจถ่านหินในอินโดนีเซียมี EBITDA จำนวน 4,895 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากไตรมาส 1/2555
ในประเทศออสเตรเลีย การผลิตถ่านหินของ Centennial ในไตรมาส 2 มีปริมาณที่ลดลง ต่ำกว่า 3 ล้านตัน เนื่องจากมีการเคลื่อนย้ายเครื่องจักร Longwall ของเหมืองแมนดาลอง กอรปกับสภาพทางธรณีวิทยาที่ไม่เอื้ออำนวยของเหมืองสปริงเวลส์ ส่งผลให้ EBITDA จากธุรกิจถ่านหินในออสเตรเลียมีจำนวน 1,245 ล้านบาทในไตรมาสนี้ ลดลงร้อยละ 25 จากไตรมาส 1/2555 ทั้งนี้คาดว่า Centennial จะสามารถผลิตถ่านหินได้เต็มกำลังจากแหล่งผลิตหลัก (แองกัสเพลส แมนดาลอง และสปริงเวลส์) และมีปริมาณการผลิตรวมที่ประมาณกว่า 15 ล้านตันในปีนี้
ในประเทศจีน โครงการเหมืองเกาเหอมีความคืบหน้าเป็นอย่างดี มีปริมาณการผลิตถ่านหิน (ก่อนเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์) ที่ 1.2 ล้านตัน และมี EBITDA จำนวน 40 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ทั้งนี้โครงการเหมืองเกาเหอได้ผ่านการตรวจสอบจากรัฐบาลจีนอย่างเป็นทางการแล้ว และคาดว่าจะได้รับใบอนุญาตทางด้านการผลิต และความปลอดภัยในอีก 2-3 เดือนข้างหน้านี้
นายชนินท์ กล่าวว่า ในไตรมาส 2/ 2555 ธุรกิจไฟฟ้ามี EBITDA จำนวน 848 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 78 เป็นผลมาจากค่าความพร้อมจ่ายกระแสไฟฟ้า (Availability Payment) เพิ่มขึ้น และต้นทุนการผลิตที่ลดลงของโรงไฟฟ้า BLCP ในขณะที่การก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าหงสาในประเทศลาวมีความคืบหน้าประมาณร้อยละ 20 และคาดว่าจะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2558 ตามที่กำหนดไว้
บ้านปูฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 2,734 ล้านบาทในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ลดลงร้อยละ 2 จากไตรมาส 1/2555 ซึ่งนายชนินท์กล่าวว่า จากการที่บริษัทฯ ดำเนินมาตรการลดค่าใช้จ่ายและมีแผนลดเงินลงทุนลงนั้น มีผลกระทบต่อปริมาณถ่านสำรองของบริษัทฯ ค่อนข้างน้อย โดยบ้านปูฯ ยังคงมุ่งสร้างการเติบโตจากแหล่งสินทรัพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ได้ตั้งเป้าหมายการผลิตถ่านหินโดยรวมที่ประมาณ 55 ล้านตันในปี 2558 จาก 40 ล้านตันในปี 2554 ที่ผ่านมา
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ เป็นบริษัทพลังงานชั้นแนวหน้า ดำเนินธุรกิจถ่านหินและธุรกิจไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงใน 6 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเซีย-แปซิฟิค ประกอบด้วย อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย จีน มองโกเลีย ไทย และลาว