บ้านปูฯ ปลื้มผลโรดโชว์ ชี้สถาบันการเงินและกองทุนญี่ปุ่นพร้อมสนับสนุน ลุยเดินหน้าต่อเนื่อง
นายสุธี สุขเรือน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) และ
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน)
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจด้านพลังงานแบบครบวงจรแห่งเอเชีย-แปซิฟิก เดินสายสร้างความเชื่อมั่นสำหรับกลุ่มสถาบันการเงินและนักลงทุนสถาบันรายใหญ่มากกว่า 10 แห่ง ณ ประเทศญี่ปุ่น ช่วงต้นเดือนมกราคม ที่ผ่านมา โดยนางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) และ นายสุธี สุขเรือน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ได้นำเสนอแผนกลยุทธ์ Greener & Smarter และทิศทางในการสร้างฐานการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนของกลุ่มบ้านปูฯ ใน 10 ประเทศ ครอบคลุม 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน (ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ รวมถึงงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ การตลาด การค้า โลจิสติกส์ และการจัดหาเชื้อเพลิง และสายส่ง) กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน (โรงไฟฟ้าจากพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป และจากพลังงานทดแทน) และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน (ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจร ระบบจัดเก็บพลังงาน และระบบการจัดการเทคโนโลยีพลังงาน) ซึ่งสถาบันการเงินและนักลงทุนให้การตอบรับสนับสนุนการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศ เชื่อมั่นในกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นความยั่งยืนและศักยภาพของบริษัทฯ ในการสร้างมูลค่าเพิ่มและผลตอบแทนที่ดีและต่อเนื่องให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ในปี 2562 สำหรับกลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงานนั้น เรามีสินทรัพย์ที่มีคุณภาพที่ตอบโจทย์ทั้งในแง่การสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องและมีผลตอบแทนการลงทุนที่ดี โดยธุรกิจถ่านหินยังคงเติบโตจากความต้องการของกลุ่มลูกค้า และราคาขายถ่านหินเฉลี่ยที่ยังอยู่ในระดับสูง ในขณะที่ธุรกิจก๊าซธรรมชาติก็มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา สำหรับกลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน เรามีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจไฟฟ้าภายใต้บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) มาอย่างยาวนานในระดับภูมิภาค และพลังร่วมที่แข็งแกร่งจากกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ของบ้านปูฯ ในปีนี้ คาดว่าจะเปิดดำเนินการโรงไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นกว่า 300 เมกะวัตต์ โดยเฉพาะโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและสถาบันการเงินเป็นอย่างดี ซึ่งช่วยส่งเสริมให้การพัฒนาโครงการต่าง ๆ สามารถเดินหน้าได้ตามแผนงานที่วางไว้ นอกจากนี้ เรายังพร้อมเดินหน้าสร้างเสริมศักยภาพในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน โดยเน้นการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านพลังงาน สร้างสรรค์โซลูชันที่ตอบโจทย์วิถีการใช้พลังงานรูปแบบใหม่ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท บ้านปู อินฟิเนอร์จี จำกัด เพื่อร่วมกันผลักดันให้ประเทศไทยเข้าสู่สมาร์ทซิตี้อย่างเป็นรูปธรรมได้เร็วขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายพลังงาน 4.0”
ปัจจุบัน บ้านปู อินฟิเนอร์จี มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมกว่า 151 เมกะวัตต์ รวมถึงมีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีพลังงานทำให้สามารถนำเสนอโซลูชันพลังงานที่ดีที่สุดได้อย่างครบวงจร เช่น ระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System: ESS) ระบบการบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management System: EMS) และรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle) เป็นต้น โดยล่าสุด บ้านปู อินฟิเนอร์จี ได้ออกแบบนวัตกรรมพลังงานแบบไมโครกริดเคลื่อนที่ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่มีการนำระบบพลังงานแสงอาทิตย์พร้อมทั้งระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) แบบเคลื่อนที่ได้เข้ามาใช้ในการให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ
โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่นาริ ไอสึ จังหวัดฟุกุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น
หนึ่งในโครงการใหม่ล่าสุดที่ตอบโจทย์กลยุทธ์ Greener & Smarter
“บ้านปูฯ มีแผนโรดโชว์กับกลุ่มนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2562 เพื่อตอกย้ำวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำธุรกิจด้านพลังงานแบบครบวงจรแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และความมุ่งมั่นในการเดินหน้ามองหาโอกาสสร้างความเติบโตให้กับกลุ่มบ้านปูฯ ภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter ใน 3 กลุ่มธุรกิจหลักอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ไฟฟ้าและพลังงานให้มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น และเพื่อสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับองค์กรไปพร้อมกับการสร้างมูลค่าเพิ่มและผลตอบแทนที่ดีและต่อเนื่องให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว” นางสมฤดี กล่าวปิดท้าย
# # #
เกี่ยวกับบ้านปูฯ
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจด้านพลังงานแบบครบวงจรแห่งเอเชีย-แปซิฟิก ดำเนิน 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจแหล่งพลังงาน ธุรกิจผลิตพลังงาน และ ธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานใน 10 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย จีน ออสเตรเลีย ลาว มองโกเลีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม สำหรับสถานะทางการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2561 มีสินทรัพย์รวมจำนวน 8,492 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 269 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2560