บ้านปูฯ จับมือ มหิดล เดินหน้าค่ายเพาเวอร์กรีน ปีที่ 12 มุ่งสร้างสมดุลให้เศรษฐกิจ สังคม และความหลากหลายทางชีวภาพ เยาวชนเรียนรู้วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมผ่านการทัศนศึกษา และท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจพลังงานแห่งเอเชียที่มุ่งมั่นพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน ร่วมกับคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดค่ายเยาวชนวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม หรือ “ค่ายเพาเวอร์กรีน” ปีที่ 12 ภายใต้หัวข้อ “เศรษฐกิจ สังคม และความหลากหลายทางชีวภาพ สร้างสมดุลอย่างไรให้ยั่งยืนในยุคไทยแลนด์ 4.0” คัดเลือกเยาวชนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และ 5 สายวิทยาศาสตร์จำนวน 70 คน จากผู้สมัครทั่วประเทศรวม 429 คน เข้าค่ายระหว่างวันที่ 6 – 13 ตุลาคม 2560 ณ คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยจุดเด่นของค่ายฯ นอกจากรูปแบบ “วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม เรียนรู้สู่การปฏิบัติ” แล้ว ในปีนี้เน้นการเรียนรู้ผ่านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ให้เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้สัมผัสประสบการณ์จริงผ่านกิจกรรมศึกษาธรรมชาติ การดำเนินธุรกิจ และการใช้ชีวิตของคนในชุมชน ที่มุ่งพัฒนาเศรฐกิจและการประกอบอาชีพท้องถิ่น ควบคู่กับการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวิภาพ พร้อมเรียนรู้การนำเทคโนโลยีมาสำรวจและระบุแหล่งความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลระหว่างการดำเนินธุรกิจ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาชุมชน เพื่อนำไปประยุกต์ให้เกิดความยั่งยืนกับประเทศต่อไป
จุดหมายปลายทางสู่การเรียนรู้ของเยาวชนในครั้งนี้คือ จังหวัดชลบุรีและระยอง ที่ไม่เพียงเป็นแหล่งท่องเที่ยว เกษตรกรรม และอุตสาหกรรมที่สำคัญ แต่ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ พันธุ์พืช และสัตว์จำเพาะ ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นศูนย์รวมของหน่วยงานเทคโนโลยีสารสนเทศมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สถานีควบคุมและรับสัญญาณดาวเทียมไทยโชต สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) และแหล่งการเรียนรู้ทางด้านอวกาศ Space Inspirium ถือเป็นเมล็ดพันธุ์ความรู้ชั้นดีให้เยาวชนในโครงการฯ เข้าไปศึกษา วิเคราะห์และนำมาบริหารความหลากหลายทางชีวภาพ สร้างสมดุลแก่ประเทศชาติ
นางอุดมลักษณ์ โอฬาร ผู้อำนวยการสายอาวุโส-องค์กรสัมพันธ์ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เผยว่า “ความหลากหลายทางชีวภาพเป็นเรื่องที่บ้านปูฯ เน้นย้ำและให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่องผ่านการดำเนินธุรกิจของบริษัท และค่ายเพาเวอร์กรีน เนื่องจากเกี่ยวข้องโดยตรงกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainability Policy) และนโยบายความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Policy) เพื่อใช้เป็นแนวทางการบริหารจัดการและป้องกันไม่ให้กิจกรรมของบริษัทฯ สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และเพื่อส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล ระหว่างสังคมและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ เราได้ต่อยอดนำองค์ความรู้มาสู่เยาวชนผู้เป็นอนาคตของชาติ เพื่อให้พวกเขาได้เห็นถึงความสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพ และนำความรู้ที่ได้รับไปเปลี่ยนแปลงและพัฒนาชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมรักษาคุณค่าทางระบบนิเวศควบคู่กับการดำรงชีวิตของมนุษย์ในยุคปัจจุบันให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของบ้านปูฯ ที่ว่า “พลังความรู้คือพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา”
ในค่ายเพาเวอร์กรีน ปีที่ 12 เยาวชนทั้ง 70 คนจะมีโอกาสได้เรียนรู้ภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเกี่ยวกับในหัวข้อต่างๆ เช่น คุณค่าและการใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพ การใช้ประโยชน์พืชในพื้นที่ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน การประยุกต์ใช้การสำรวจระยะไกลเพื่อการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน จากคณะอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ พร้อมรับฟังเสวนาพิเศษในหัวข้อ “ความร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหกรรมและชุมชนในการพัฒนาสิ่งแวดล้อมบนฐานการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน” กับนักธุรกิจที่มีความสนใจด้านความหลากหลายทางชีวภาพ เช่น ดร.นณณ์ ผาณิตวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านปลาน้ำจืดในประเทศไทย และคุณออย อิษฏ์วรรณ สุทธินาค เจ้าของแบรนด์แฟชั่นผู้สร้างความสมดุลระหว่างธุรกิจ ธรรมชาติ และความรับผิดชอบต่อสังคมผ่านบริษัททัวร์เชิงอนุรักษ์ Suntan Tour ที่ให้ชาวมอร์แกนในพื้นที่ได้มีส่วนร่วมเป็นทีมงานเพื่อช่วยสร้างอาชีพ
นอกจากนี้ หนึ่งในจุดหมายสำคัญของการเดินทางไปยังจังหวัดชลบุรีและระยอง คือ พื้นที่กลุ่มประมงเรือเล็กปากคลองตากวน และ บริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัทในเครือของบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) และบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นตัวอย่างการอยู่ร่วมกันระหว่างการดำเนินธุรกิจ ชุมชน และความหลากหลายทางชีวภาพที่สมดุล
รศ.ดร.รัตนวัฒน์ ไชยรัตน์ รองคณบดีฝ่ายวิชาการและกิจการนักศึกษา คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะประธานโครงการค่ายเพาเวอร์กรีน 12 กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก การเริ่มปลูกฝังความรู้ทางด้านนี้ให้แก่เยาวชนผู้ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของชาติต่อไปในอนาคตถือเป็นการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับการพัฒนาประเทศ ในปีนี้ มหาวิทยาลัยมหิดลได้นำคณะครูอาจารย์ที่เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมมาให้ความรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติแก่เยาวชน เพื่อจุดประกายจิตสำนึกและให้ความรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติ อีกทั้งยังหล่อหลอมกรอบความคิดที่เป็นระบบและสร้างสรรค์ ฝึกการตีโจทย์และแก้ปัญหา อันจะนำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมทางความคิดต่อไปในอนาคต ตอบโจทย์นโยบายไทยแลนด์ 4.0 เพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับประเทศในทุกมิติได้อย่างยั่งยืน”
หลังการเรียนรู้ภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติแล้ว เยาวชนจะมีโอกาสนำเสนอผ่านโครงงานกลุ่มวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม เพื่อจัดแสดงในงานนิทรรศการโครงงานกลุ่มวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ในวันพฤหัสบดีที่ 12 ตุลาคม 2560 ร่วมชิงทุนการศึกษารวมกว่า 30,000 บาท ต่อไป
###
เกี่ยวกับ ค่ายเพาเวอร์กรีน
โครงการค่ายเยาวชนวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม “เพาเวอร์กรีน” (The Power Green Camp) ดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 โดยความร่วมมือระหว่างคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ภายใต้แนวคิดที่ว่า “วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม – เรียนรู้สู่การปฏิบัติ” ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ตลอดจนเน้นให้เยาวชนรู้จักนำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาใช้แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ เพื่อปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนให้แก่เยาวชน สร้างแกนนำและเครือข่ายเยาวชนด้านสิ่งแวดล้อมในอนาคต โดยกลุ่มเป้าหมายของค่าย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และ 5 สายวิทยาศาสตร์ทั่วประเทศ
เกี่ยวกับ บมจ. บ้านปู
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เป็นผู้บุกเบิกด้านพลังงานชั้นแนวหน้าของเอเชีย ดำเนินธุรกิจถ่านหิน ธุรกิจไฟฟ้า และพลังงานที่เกี่ยวเนื่องอย่างครบวงจร ใน 9 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย จีน ออสเตรเลีย ลาว มองโกเลีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา
“พลังความรู้ คือพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา”
บ้านปูฯ เชื่อว่า “การเรียนรู้” เป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนา “คน” ซึ่งจะขับเคลื่อนชุมชนและสังคมให้พัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะยาว โครงการซีเอสอาร์ของบ้านปูฯ ในทุกประเทศ จึงมุ่งเน้นสนับสนุนและส่งเสริมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องให้กับเยาวชนและชุมชนในหลากหลายรูปแบบ ทั้งการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง การดำเนินชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียน การฝึกฝนเพื่อพัฒนาศักยภาพและทักษะชีวิต หรือการค้นคว้า เรียนรู้ และค้นพบองค์ความรู้ด้วยตนเองหรือร่วมกับคนอื่นๆ