บ้านปูฯ เตรียมมาตรการรองรับราคาถ่านหินอ่อนตัวแล้ว
บ้านปูฯ พร้อมรับสถานการณ์ราคาถ่านหินปรับตัวลดลง ออกมาตรการลดค่าใช้จ่ายและเลื่อนแผนการใช้เงินลงทุนที่ไม่จำเป็นออกไปก่อน เชื่อสถานการณ์เป็นเพียงแค่ระยะสั้น และไม่ส่งผลกระทบต่อแผนระยะกลางและระยะยาวของ บริษัทฯ
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง สถานการณ์ราคาถ่านหินในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงในขณะนี้ว่าจะเป็นเพียงแค่ระยะเวลาสั้น และคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อแผนการดำเนินงานระยะกลางและระยะยาวของบ้านปูฯ อย่างไรก็ตาม เพื่อรองรับและบริหารความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากสถานการณ์ดังกล่าว บริษัทฯ ได้ออกมาตรการลดค่าใช้จ่ายและเลื่อนแผนการใช้เงินลงทุนที่ไม่จำเป็นในช่วงนี้ออกไปก่อน เพื่อรักษากระแสเงินสดและสถานะทางการเงินให้มั่นคงและแข็งแกร่ง รวมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง
“เพื่อรองรับสถานการณ์ราคาถ่านหินที่อ่อนตัวลงในปีนี้ ด้วยเหตุที่มีการผลิตเพิ่มขึ้นมากกว่าการเติบโตของความต้องการ บ้านปูฯ ได้เตรียมความพร้อมด้วยการออกมาตรการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจถ่านหินในอินโดนีเซียลงประมาณร้อยละ 6-7 ของงบประมาณที่ตั้งไว้ รวมทั้งลดหรือเลื่อนแผนการใช้เงินลงทุนที่ไม่จำเป็นของทุกกลุ่มธุรกิจออกไปก่อน ทั้งนี้เพื่อรักษาสถานะทางการเงินของกลุ่มบริษัทฯ ให้แข็งแกร่ง สามารถรับมือกับความผันผวนของราคาขายถ่านหินในระยะสั้นได้เป็นอย่างดี รวมทั้งมีกระแสเงินสดเพียงพอที่จะสามารถใช้เป็นโอกาสในการลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตให้แก่บริษัทฯ ตลอดจนสร้างผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น ทั้งนี้บ้านปูฯ ได้เตรียมการที่จะดำเนินการปรับลดค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับแผนการขายในปีหน้า (2556) อีกด้วย ” นายชนินท์ กล่าวอธิบาย
นายชนินท์กล่าวอีกว่า บ้านปูฯ ยังมีสินทรัพย์อีกหลายแห่งที่สามารถสร้างความแข็งแกร่งด้านกระแสเงินสดให้แก่บริษัทฯ ทั้งในส่วนของธุรกิจถ่านหินและธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งมีโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมในประเทศจีน โครงการโรงไฟฟ้าหงสาที่การก่อสร้างมีความคืบหน้าเป็นอย่างมากและจะสามารถสร้างรายได้อย่างมั่นคงในอนาคตอันใกล้นี้ ในขณะเดียวกันธุรกิจถ่านหินก็มีแหล่งรายได้ที่แน่นอนจากการขายถ่านหินในประเทศของ Centennial Coal และการขายถ่านหินจากแหล่งผลิตในประเทศจีนให้แก่ตลาดภายในประเทศ
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานของบ้านปูฯ ในปี 2555 นั้น นายชนินท์กล่าวว่าปริมาณการผลิตและขายถ่านหินรวมจะอยู่ที่ประมาณ 44 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 42 ล้านตันในปีที่ผ่านมา ในขณะที่ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยจากอินโดนีเซียในปีนี้คาดว่าจะอยู่ในระดับประมาณ 95 เหรียญสหรัฐต่อตัน รวมกำไรจากการขาย Coal Swap แล้ว
“ในครึ่งหลังของปี 2555 นี้ คาดว่าปริมาณการผลิตและขายถ่านหินของ ITM ในอินโดนีเซีย และ Centennial Coal ในออสเตรเลีย จะเพิ่มขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา โดยปริมาณการผลิตและขายถ่านหินทั้งปีจะอยู่ที่ประมาณ 26 -27 ล้านตัน และ 15-16 ล้านตันตามลำดับ” นายชนินท์กล่าว
ส่วนกระแสเรื่องก๊าซธรรมชาติ และ Shale gas ที่มีการคาดการณ์ว่าอาจจะกระทบต่อตลาดถ่านหินนั้น นายชนินท์ กล่าวว่า ราคาก๊าซที่ระดับ 2 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ไม่สามารถคงอยู่ได้ จะต้องปรับตัวสูงขึ้นเพราะไม่คุ้มทุน รวมทั้งจะต้องมีการลงทุนอีกมาก ทางด้านท่อส่งก๊าซ โรงแยกก๊าซและบรรจุก๊าซ ซึ่งการที่ก๊าซต้องปรับราคาเพิ่มขึ้น จะทำให้ความต้องการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงยังเป็นหลักอยู่ ในระยะเวลาที่ยาวกว่า โดยขณะนี้ทางฝ่ายบริหารของบ้านปูฯ กำลังพิจารณาแผนงานรองรับในระยะยาวต่อไป
“อย่างไรก็ตาม เรายังมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และมีนโยบายในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้น โดยจะพยายามรักษาให้มีการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง และจากแผนตลอดจนมาตรการรองรับสถานการณ์ต่างๆ ที่ได้กล่าวมาข้างต้น จะช่วยปรับให้บริษัทฯ สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว” นายชนินท์กล่าวปิดท้าย