By clicking “Accept All Cookies”, you agree to the storing of cookies on your device to enhance site navigation, analyze site usage, and assist in our marketing efforts.
Cookies Settings
บ้านปูฯ รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3 เพิ่ม จากราคาขายถ่านหินที่สูงขึ้น

บ้านปูฯ รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3 เพิ่ม จากราคาขายถ่านหินที่สูงขึ้น

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 3 พ.ศ. 2551 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น ร้อยละ 81 จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากกำไรของธุรกิจถ่านหินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาขายถ่านหินเฉลี่ย และการรับรู้กำไรจากธุรกิจถ่านหินในประเทศจีนหลังจากที่ได้เข้าไปลงทุนเพิ่มเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3 ประจำปีงบประมาณ 2551 (1 กรกฎาคม – 30 กันยายน พ.ศ. 2551) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ จำนวนทั้งสิ้น 3,111 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า 1,392 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 81 โดยมีกำไรจากธุรกิจถ่านหินจำนวน 2,231 ล้านบาท และธุรกิจไฟฟ้าจำนวน 880 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 72 และร้อยละ 28 ของกำไรสุทธิ ตามลำดับ ทั้งนี้ เป็นผลจากราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของบริษัทฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 96 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และการรับรู้รายได้จากธุรกิจถ่านหินในประเทศจีนจากบริษัท Asian American Coal Inc (AACI) ส่งผลให้รายได้จากการขายรวมของบ้านปูฯ ในไตรมาส 3 ของปีนี้อยู่ที่ 14,352 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,711 ล้านบาท หรือร้อยละ 66 จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการขายถ่านหินจำนวน 13,382 ล้านบาท ซึ่งมาจากการขายถ่านหินจากเหมืองถ่านหินในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย จำนวน 13,301 ล้านบาท และจากเหมืองถ่านหินในประเทศไทยจำนวน 81 ล้านบาท ส่วนรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าและไอน้ำจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมในประเทศจีน มีจำนวน 942 ล้านบาท

“งบการเงินในไตรมาส 3 ของปีนี้ สะท้อนถึงผลประกอบการที่ดีขึ้นจากธุรกิจหลักโดยเฉพาะธุรกิจถ่านหิน อีกส่วนหนึ่งมาจากการขายถ่านหินคุณภาพสูงในสัดส่วนที่สูงขึ้น ประกอบกับมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินธุรกิจถ่านหินของบริษัท AACI เข้ามาในไตรมาสนี้ด้วยจึงทำให้กำไรสุทธิของบ้านปูฯ ในไตรมาส 3 สูงขึ้นในระดับสูงสุด ส่วนธุรกิจไฟฟ้าโดยรวมมีผลประกอบการที่ดี โดยโรงไฟฟ้า BLCP มีผลการดำเนินงานที่ราบรื่น ในขณะที่ผลประกอบการของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมทั้ง 3 แห่งในสาธารณรัฐประชาชนจีนยังคงประสบปัญหาจากราคาถ่านหินที่ปรับสูงขึ้นตามสภาวะตลาดแต่ราคาขายไฟฟ้ามีการปรับสูงขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น“ นายชนินท์กล่าว

สำหรับปริมาณขายถ่านหินในไตรมาส 3 ที่ผ่านมามีจำนวนทั้งสิ้น 4.6 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากไตรมาส 2 ที่ผ่านมา แต่ลดลงร้อยละ 9 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในไตรมาสนี้การผลิตถ่านหิน ไม่สามารถดำเนินการได้เต็มกำลัง อันเนื่องมาจากสภาวะฝนตกหนักอย่างผิดปกติและไม่เป็นไปตามฤดูกาลโดยเฉพาะทางตอนใต้ของเกาะกาลิมันตันในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ส่งผลให้บริษัทฯ ต้องปรับลดปริมาณการผลิตถ่านหินของปี 2551 จากเป้าหมายที่ตั้งไว้จำนวน 20 ล้านตันเป็น 18.5 ล้านตัน อย่างไรก็ตามปริมาณการผลิตถ่านหินที่ลดลงร้อยละ 7 ส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อรายรับจากธุรกิจถ่านหิน เนื่องจากราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของปีนี้ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 72 เหรียญสหรัฐต่อตัน จาก 41.05 เหรียญสหรัฐต่อตันในปีที่แล้ว ส่วนในปี 2552 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการผลิตถ่านหินจากแหล่งถ่านหินในอินโดนีเซียจำนวนประมาณ 20.5 ล้านตัน โดยขณะนี้ได้ทำสัญญากำหนดราคาขายล่วงหน้าไปแล้ว ร้อยละ 47
สำหรับความต้องการใช้พลังงานที่คาดว่าจะลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยนั้น นายชนินท์กล่าวว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบ้านปูฯ บ้างเล็กน้อยในปีหน้า

“เชื่อว่าเรายังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อยู่ในขณะนี้ โดยมีการบริหารความเสี่ยงที่ดี และบริหารจัดการการเงินอย่างระมัดระวังด้วยการควบคุมหนี้สินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมมาตรการต่างๆไว้ในแผนการดำเนินธุรกิจทั้งระยะปานกลางจนถึงระยะยาวเพื่อรองรับสถานการณ์ หากราคาถ่านหินปรับตัวลดลงตามความต้องการใช้พลังงานที่ชะลอตัวลง เช่น การลดต้นทุนในกระบวนการผลิตและระบบการขนส่งโดยรวม” นายชนินท์กล่าวปิดท้าย

สำหรับ ฐานะการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2551 มีสินทรัพย์รวมจำนวน 86,697 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21,647 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 33 ในขณะที่มีหนี้สินรวมจำนวน 42,771 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16,217 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 ส่วนอัตราหนี้สินสุทธิต่อทุนของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2551 ได้ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 0.37 เท่า จาก 0.14 เท่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2550 สำหรับกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน (Earning Per Share) ในไตรมาส 3 เท่ากับ 11.45 บาทต่อหุ้น เทียบกับ 6.32 บาทต่อหุ้นในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว

© 2024 บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) | Banpu Public Company Limited. All rights reserved.