By clicking “Accept All Cookies”, you agree to the storing of cookies on your device to enhance site navigation, analyze site usage, and assist in our marketing efforts.
Cookies Settings
กำไรสุทธิครึ่งปีแรกบ้านปูฯ เพิ่ม ผลจากการเติบโตของธุรกิจถ่านหิน

กำไรสุทธิครึ่งปีแรกบ้านปูฯ เพิ่ม ผลจากการเติบโตของธุรกิจถ่านหิน

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) แถลงผลประกอบการครึ่งปีแรกประจำปีงบประมาณ 2551 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 48 จากงวดเดียวกันของปี 2550 เป็นผลจากรายได้ของธุรกิจถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้น ตามราคาถ่านหินในภูมิภาคที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยคาดว่ารายได้จากการขายรวมของปีนี้จะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 50

นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในครึ่งปีแรกของปี 2551 (1 มกราคม 2551 – 30 มิถุนายน 2551) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ จำนวนทั้งสิ้น 4,373 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกของปี 2550 จำนวน 1,420 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 48 โดยมีกำไรจากธุรกิจถ่านหินจำนวน 2,527 ล้านบาท และธุรกิจไฟฟ้าจำนวน 1,846 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 57และร้อยละ 43 ของกำไรสุทธิ ตามลำดับ ทั้งนี้เป็นผลจากราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของบริษัทฯ ที่ได้รับผลบวกจากราคาถ่านหินในภูมิภาคที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างเด่นชัดตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลให้รายได้จากการขายรวมของบ้านปูฯ ในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 19,705 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,089 ล้านบาท หรือร้อยละ 35 จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้แบ่งเป็นรายได้จากการขายถ่านหินจำนวน 17,588 ล้านบาท ซึ่งมาจากการขายถ่านหินจากเหมืองถ่านหินในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย จำนวน 17,312 ล้านบาทและจากเหมืองถ่านหินในประเทศไทยจำนวน 276 ล้านบาท ส่วนรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าและไอน้ำจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมในสาธารณรัฐประชาชนจีน มีจำนวน 2,117ล้านบาท โดยคาดว่ารายได้จากการขายรวมของบริษัทฯ ในปีนี้จะเติบโตมากกว่าร้อยละ 50 หรือที่ประมาณ 50,000 ล้านบาท จาก 32,442 ล้านบาทในปี 2550

“ราคาถ่านหินในภูมิภาคที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ทำให้ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของบริษัทฯ ในปีนี้ปรับตัวสูงขึ้นที่ประมาณ 70 เหรียญสหรัฐต่อตัน ทำให้สามารถชดเชยกำไรจากธุรกิจไฟฟ้าที่ปรับตัวลดลงทั้งจากโรงไฟฟ้า BLCP ที่มีการบันทึกการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมทั้ง 3 แห่งในประเทศจีนของบริษัทลูกคือ BPIC ที่ได้แสดงผลการดำเนินงานที่ลดลง ซึ่งเป็นผลจากต้นทุนเชื้อเพลิงคือถ่านหินยังคงปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ราคาขายไฟฟ้ายังไม่ได้รับการอนุมัติให้ปรับเพิ่มขึ้น” นายชนินท์ กล่าวชี้แจง

ในปี 2551 บ้านปูฯ ได้ตั้งเป้าหมายการผลิตถ่านหินที่ 20 ล้านตัน โดยในครึ่งปีแรกการผลิตถ่านหินโดยรวมของบริษัทฯ ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เล็กน้อย อันเป็นผลกระทบจากภาวะฝนในประเทศอินโดนีเซีย

สำหรับฐานะการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2551 มีสินทรัพย์รวมจำนวน 83,777 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18,726 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 29 ในขณะที่มีหนี้สินรวมจำนวน 41,724 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15,170 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 57 เมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 ส่วนอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนของบริษัทฯ ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 0.45 เท่า จาก 0.14 เท่า เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เป็นผลจากการที่บริษัทฯ เพิ่มการลงทุนในบริษัท เอเชี่ยน อเมริกัน โคลด์ อิงค์ (AACI) ในสาธารณรัฐประชาชนจีน อีกร้อยละ 78.4 เมื่อกลางปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ตัวเลขเงินลงทุนโดยรวม (CAPEX) ตามแผน 5 ปี (พ.ศ. 2547 – พ.ศ. 2551) ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 1,008 ล้านเหรียญสหรัฐ

“ในปีนี้ ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของแผน 5 ปีของบ้านปูฯ ฐานการทำธุรกิจทั้ง 3 แห่งของเราคือไทย อินโดนีเซีย และจีน เริ่มมีขนาดที่ใกล้เคียงกันตามแผนที่ตั้งไว้ ซึ่งหากคิดเป็นสัดส่วนตามมูลค่ากิจการ (Enterprise Value) แล้ว ขนาดธุรกิจของบ้านปูฯ ในประเทศไทยจะอยู่ที่ประมาณ ร้อยละ 25 – 30 อินโดนีเซีย ประมาณร้อยละ 40 – 45 และจีนที่ประมาณร้อยละ 30” นายชนินท์ กล่าวเพิ่มเติม

ส่วนแผนการลงทุนของบ้านปูฯ ในอีก 5 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2552 – พ.ศ. 2556) นั้น นายชนินท์ กล่าวว่าจะยังคงเน้นการดำเนินธุรกิจหลัก 2 ธุรกิจ คือถ่านหิน และ ไฟฟ้า โดยธุรกิจถ่านหินจะมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 60 -70 ขณะที่ธุรกิจไฟฟ้าจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 30-40 และมีเป้าหมายของการเติบโตมากกว่าร้อยละ 15 ต่อปี ทั้งนี้กลยุทธการลงทุนจะเน้นการพัฒนาหรือขยายสินทรัพย์ที่มีอยู่เดิมให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น โดยในส่วนของประเทศไทยนั้นจะเป็นการดำเนินธุรกิจไฟฟ้าเป็นหลัก หลังจากที่เหมืองลำปาง และเหมืองเชียงม่วนของบริษัทฯ ปิดตัวลงในปลายปีนี้ สำหรับในประเทศอินโดนีเซีย จะเป็นการพัฒนาแหล่งถ่านหินที่มีอยู่เดิมทั้ง 5 แห่ง รวมทั้งแสวงหาแหล่งถ่านหินใหม่ และโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินเมื่อโอกาสมาถึง ส่วนในประเทศจีนนั้น จะเน้นการพัฒนาเหมืองถ่านหินที่บริษัทฯ เข้าไปลงทุนผ่านบริษัท AACI คือเหมืองต้าหนิง และเหมืองเกาเหอ รวมทั้งเหมืองเฮ่อปี้ ที่บ้านปูฯ ลงทุนผ่านบริษัท HZTM โดยจะเน้นในเรื่องของการพัฒนากำลังการผลิต การสร้างมาตรฐานด้านความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และชุมชนให้เป็นที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศ และระดับสากล ส่วนธุรกิจไฟฟ้าในประเทศจีนนั้นจะยังคงพัฒนาและขยายกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมทั้ง 3 แห่ง รวมทั้งแสวงหาโรงไฟฟ้าใหม่ๆ เพิ่มเติมให้เหมาะสมตามโอกาสและสถานการณ์

“สิ่งที่จะเห็นเพิ่มเติมในช่วงแผน 5 ปีข้างหน้าก็คือ การลงทุนในธุรกิจที่เป็น Green มากขึ้น เช่น พลังงานทดแทน (renewable energy) โดยบริษัทฯ ได้ตั้งงบประมาณในส่วนนี้ร้อยละ 2 ของทรัพย์สินรวม หรือประมาณ 1,200 ล้านบาท มาตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งขณะนี้เรากำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาและพิจารณาความเหมาะสมของธุรกิจพลังงานประเภทต่างๆ ในประเทศไทย อาทิ พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และ biofuel เป็นต้น โดยคาดว่าในปีหน้านี้ คงจะได้เห็นโครงการพลังงานทดแทนของบ้านปูฯ ในประเทศไทย” นายชนินท์ กล่าวปิดท้าย

© 2024 บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) | Banpu Public Company Limited. All rights reserved.