มหาอุทกภัยที่ผ่านมา แม้จะสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและชีวิตของประชาชนชาวไทยอย่างมหาศาล แต่ในขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจของคนไทยทั่วประเทศในการต่อสู้มหันตภัยดังกล่าวอย่างไม่ย่อท้อ ทั้งในส่วนของภาครัฐ เอกชน และองค์กรต่างๆ โดยเฉพาะในส่วนของภาคเอกชนนั้นแม้หลายบริษัทจะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในเขตนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ แต่สายน้ำใจและความตั้งใจของภาคเอกชนในการร่วมกันกอบกู้ภาคประชาชนให้ฟื้นคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุดนั้นกลับหลั่งไหลมาอย่างล้นหลาม ดังจะเห็นได้จากกิจกรรมอันหลากหลายในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทั้งในช่วงน้ำท่วมและหลังน้ำลด

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและมีปณิธานในการดำเนินธุรกิจที่ว่า “อุตสาหกรรมที่ดีจะต้องพัฒนาควบคู่ไปกับสังคมและสิ่งแวดล้อม” เป็นอีกหนึ่งในหลายๆ องค์กรที่ให้ความใส่ใจในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมอย่างแข็งขัน แม้ว่าคลังขนถ่ายถ่านหินของบริษัทฯ ที่ จ.อยุธยาจะได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม แต่บ้านปูฯ ก็เดินหน้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในหลากหลายรูปแบบตลอดมา

“ในตอนแรกที่เกิดน้ำท่วมในภาคเหนือ เราได้สนับสนุนกองทัพบกในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพราะกองทัพบกถือเป็นหน่วยงานที่เข้าถึงประชาชน และมีความพร้อมทางด้านอุปกรณ์และเครื่องมือ ตลอดจนกำลังพลค่อนข้างมาก ต่อมาเรายังได้ขยายการช่วยเหลือไปยังกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมของรัฐบาลรวมทั้งกองทัพเรืออีกด้วย” นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บ้านปู กล่าวถึงแนวคิดในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมของบ้านปูฯ

ทั้งนี้ บ้านปูฯ ได้บริจาคเงิน 1.1 ล้านบาท สมทบกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณะภัย สำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งสนับสนุนการดำเนินงานช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของกองทัพไทยเป็นเงินรวม 6 ล้านบาท รวมถึงการจัดหาข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นไม่ว่าจะเป็นชุดเอี๊ยมกันน้ำ เสื้อยืดและชุดชั้นในแก่เหล่าทหารในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอีกด้วย

นายชนินท์ กล่าวอีกว่า “เมื่อน้ำท่วมได้ลุกลามไปถึง จ.อยุธยา และส่งผลให้คลังขนถ่ายถ่านหินของบ้านปูฯ ที่ อ.นครหลวงต้องหยุดดำเนินการเป็นการชั่วคราว เนื่องจากถูกน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร แต่ทางคลังถ่านหินอยุธยาก็ไม่นิ่งนอนใจ ได้ส่งรถบรรทุกจำนวนหนึ่งไปให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องในชุมชน ทั้งด้านการเดินทาง ตลอดจนขนส่งสิ่งของที่จำเป็นให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ และจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ นี้เอง จึงเป็นที่มาของการอาสานำรถบรรทุกที่ว่างงานจากคลังถ่านหินอยุธยามาใช้เป็นพาหนะเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม อันเป็นที่มาโครงการสนับสนุนรถบรรทุกสิบล้อ พร้อมทั้งคนขับและน้ำมันเชื้อเพลิงแก่สภากาชาดไทยตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมจนถึงสิ้นปีนี้”

บ้านปูฯ ได้ให้การสนับสนุนรถบรรทุกสิบล้อจำนวน 20 คัน พร้อมคนขับ รวมทั้งรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิง ให้แก่สภากาชาดไทยเพื่อใช้ขนส่งถุงยังชีพ หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ รวมทั้งอาสาสมัคร ในการออกช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งการช่วยเหลือตรงนี้เป็นการใช้ทรัพยากรที่บ้านปูฯ มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นยานพาหนะ หรือวัสดุอุปกรณ์ รวมทั้งทรัพยากรบุคคลมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

“การสนับสนุนรถบรรทุกในครั้งนี้ ช่วยให้สภากาชาดไทยสามารถขนส่งและลำเลียงถุงยังชีพไปแจกจ่ายประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย ครอบคลุม จ. พิษณุโลก นครสวรรค์ ลพบุรี อ่างทอง อยุธยา นครปฐม นครนายก สมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ตลอดจนภาคอีสาน รวมแล้วทั้งสิ้นกว่า 450 เที่ยว สามารถขนส่งถุงยังชีพให้แก่ประชาชน ประมาณ 3 แสนชุด รวมทั้งลำเลียงหน่วยแพทย์ให้บริการตรวจสุขภาพแก่ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยไปแล้วถึง 67 เที่ยว” นางอุดมลักษณ์ โอฬาร ผู้อำนวยการสายอาวุโส – องค์กรสัมพันธ์ บมจ. บ้านปู ในฐานะผู้ดูแลกิจกรรมช่วยเหลือผู้ประภัยน้ำท่วมของบ้านปูฯ กล่าวเพิ่มเติม

นอกจากนี้ บ้านปูฯ ยังร่วมกับกองทัพเรือ และสภากาชาดไทยดำเนินโครงการ “กองทัพเรือร่วมกับสภากาชาดไทยช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย” โดยสนับสนุนเรือไฟเบอร์ติดเครื่องยนต์ จำนวน 10 ลำ นำถุงยังชีพ และเวชภัณฑ์ รวมทั้งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกให้บริการประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา

และในฐานะบริษัทจดทะเบียน บ้านปูฯ ได้บริจาคเงิน 20 ล้านบาท สมทบกองทุน “ตลาดหุ้นร่วมใจ ช่วยภัยน้ำท่วม” โดยกองทุนฯ ได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ รวมทั้งสภากาชาดไทย ในการเข้าไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ และอีกส่วนหนึ่งจะนำไปใช้ฟื้นฟูภาคประชาชนหลังจากน้ำท่วมต่อไป

แม้ว่าสถานการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้จะทำให้ พนักงานของบริษัทฯ หลายคนกลายเป็นผู้ประสบอุทกภัยก็ตาม แต่พนักงานบ้านปูฯ ได้แสดง “พลังอาสา” และ “ความห่วงใยและเอาใจใส่” หรือ “CARE” (ซึ่งเป็นหนึ่งในค่านิยมร่วมองค์กร หรือ “บ้านปูสปิริต”) ต่อผู้ประสบอุทกภัย บนพื้นฐานของความ “จริงใจ” “จริงจัง” และ “เต็มใจ” อย่างแท้จริง โดยได้ดำเนินกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการร่วมกันจัดทำถุงยังชีพ การบริจาคข้าวกล่องและสิ่งของ การจัดเตรียมอาหาร บรรจุของและลำเลียงถุงยังชีพใส่รถบรรทุก และออกหน่วยช่วยเหลือประชาชนร่วมกับสภากาชาดไทย

ส่วนพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมนั้น บ้านปูฯ ได้ให้พนักงานที่เดินทางมาทำงานไม่สะดวกสามารถทำงานอยู่ที่บ้าน และให้ความช่วยเหลือพนักงานรวมทั้งครอบครัวที่บ้านถูกน้ำท่วม หรือต้องการอพยพออกจากบ้านไปอยู่ที่ปลอดภัย โดยจัดรถบรรทุกสำหรับการอพยพตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งจัดหาที่พักชั่วคราวให้แก่พนักงานและครอบครัวอีกด้วย

“การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของบ้านปูฯ ในครั้งนี้ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท ซึ่งถึงแม้จะเป็นเพียงแค่เสี้ยวหนึ่งของความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วน แต่ได้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือและความมุ่งมั่นตั้งใจของบริษัทฯ ในฐานะพลเมืองที่ดีของประเทศ ที่ต้องการมีส่วนร่วมในการช่วยให้ประชาชนคนไทยและประเทศชาติรอดพ้นจากวิกฤติมหาอุทกภัยน้ำท่วม และกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด” นายชนินท์ กล่าวปิดท้าย