By clicking “Accept All Cookies”, you agree to the storing of cookies on your device to enhance site navigation, analyze site usage, and assist in our marketing efforts.
Cookies Settings
บ้านปูฯ แถลงผลประกอบการไตรมาส 1 ปีงบประมาณ 2549 ยอดขายเพิ่ม แต่กำไรลดจากผลกระทบราคาน้ำมัน คาดรายได้ทั้งปีไม่ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้

บ้านปูฯ แถลงผลประกอบการไตรมาส 1 ปีงบประมาณ 2549 ยอดขายเพิ่ม แต่กำไรลดจากผลกระทบราคาน้ำมัน คาดรายได้ทั้งปีไม่ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ประจำปีงบประมาณ 2549 (1 มกราคม 2549 – 31 มีนาคม 2549) มีกำไรสุทธิจำนวนทั้งสิ้น 742 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 827 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 53 ทั้งนี้เนื่องจากไม่มีการบันทึกกำไรจากการจำหน่ายหน่วยลงทุนในไตรมาสนี้ อย่างไรก็ตามคาดว่าผลประกอบการของบริษัทฯ ในปี 2549 จะเติบโตตามที่คาดการณ์ไว้แม้ว่าต้นทุนการผลิตถ่านหินจะสูงขึ้นจากการลอยตัวราคาน้ำมันดีเซลในประเทศอินโดนีเซียก็ตาม ทั้งนี้บริษัทฯ เน้นกลยุทธ์การกระจายการลงทุนไปยังธุรกิจไฟฟ้ารวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนเพื่อให้บริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคงต่อไป

“การบริหารต้นทุนถือเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับผู้ผลิตถ่านหินในปีนี้ เนื่องจากการลอยตัวราคาน้ำมันในประเทศอินโดนีเซียส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น อัตรากำไรขั้นต่ำลดลง นอกจากนี้ยังมีภาษีส่งออกถ่านหินจำนวน 233 ล้านบาทที่มีการบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในไตรมาสนี้ ดังนั้นเพื่อให้การบริหารต้นทุนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง บริษัทฯ ได้ดำเนินมาตรการต่างๆ เช่น การลดระดับความลึกของการขุดถ่านหิน การบริหารเรือขนส่งถ่านหินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการออกมาตรการประหยัดพลังงานทั้งในส่วนสำนักงานและที่เหมืองต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเน้นกลยุทธ์การกระจายการลงทุนไปยังธุรกิจไฟฟ้าเพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านรายได้ให้แก่บริษัทฯ อีกทางหนึ่งด้วย” นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวชี้แจง

โดยในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวมจำนวน 7,582 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 2,561 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 51 เนื่องจากปริมาณและราคาขายถ่านหินที่สูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าในประเทศจีน ที่บริษัทฯ ได้เข้าไปถือหุ้น เมื่อปลายเดือน กุมภาพันธ์ 2549 ทั้งนี้มีรายได้หลักจากการจำหน่ายถ่านหินจำนวน 7,253 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 96 ของรายได้จากการขายรวม แบ่งเป็นรายได้จากการขายถ่านหินจากแหล่งผลิตในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย 6,662 ล้านบาท และจากแหล่งถ่านหินในไทย 591 ล้านบาท สำหรับรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าและไอน้ำมีจำนวน 259 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3 ของรายได้จากการขายรวม นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการจำหน่ายแร่อุตสาหกรรมและบริการอื่นๆ มูลค่า 70 ล้านบาท หรือร้อยละ 1 ของรายได้จากการขายรวม ส่วนกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานในไตรมาส 1 ของปีนี้ เท่ากับ 2.73 บาทต่อหุ้น

“ผลประกอบการของบริษัทฯ ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของธุรกิจถ่านหินของบริษัทฯ และการเริ่มรับรู้รายได้จากการลงทุนในธุรกิจถ่านหินและไฟฟ้าในสาธารณรัฐประชาชนจีน แต่การที่กำไรสุทธิของบริษัทฯ ในไตรมาสนี้ลดลง เนื่องจากไม่มีการบันทึกการจำหน่ายงินลงทุนในหลักทรัพย์เผื่อขายเหมือนในปีที่ผ่านมา” นายชนินท์ กล่าวย้ำ

สำหรับปริมาณการขายถ่านหินในไตรมาส 1 มีจำนวน 5.07 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี 2548 ร้อยละ 31 ส่วนราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของบริษัทฯ ประจำไตรมาส 1 เท่ากับ 35.32 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 11 เนื่องจากการทำสัญญาขายถ่านหินในราคาที่สูงขึ้นในรอบปีที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าการผลิตถ่านหินในปีนี้ที่ 21 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2548 จำนวน 4 ล้านตัน

ส่วนฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมจำนวน 45,683 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 595 ล้านบาท หรือร้อยละ 1 และมีหนี้สินรวมจำนวน 24,568 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,366 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 เท่ากับ 0.52 เท่า เทียบกับ 0.34 เท่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม ปีที่ผ่านมา

© 2024 บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) | Banpu Public Company Limited. All rights reserved.