By clicking “Accept All Cookies”, you agree to the storing of cookies on your device to enhance site navigation, analyze site usage, and assist in our marketing efforts.
Cookies Settings
บ้านปูฯ รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2553

บ้านปูฯ รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2553

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3 ปี 2553 มีกำไรสุทธิจำนวน 13,293 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 249 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า มาจากกำไรที่ได้รับจากการจำหน่ายหุ้นในบริษัทย่อยในอินโดนีเซีย

นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กำไรสุทธิในไตรมาส 3 ที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 2 เท่าจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้านั้น โดยประมาณร้อยละ 88 หรือ 11,692 ล้านบาท เป็นกำไรที่รับรู้จากการจำหน่ายเงินลงทุนจำนวนร้อยละ 8.72 ของหุ้นทั้งหมดในบริษัท PT Indo Tambangraya Megah หรือ ITM ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบ้านปูฯ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซีย

ส่วนผลการดำเนินงานจากธุรกิจหลักในไตรมาส 3 ที่ผ่านมานั้น บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวมจำนวน 13,688 ล้านบาท ลดลง 193 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 1 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจถ่านหินจำนวน 12,607 ล้านบาท คิดเป็นร้อย 92 ของยอดขายรวม และมีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้า และไอน้ำจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 3 แห่งในประเทศจีน จำนวน 1,081 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 8 ของรายได้จากการขายรวม ทั้งนี้ธุรกิจถ่านหินในสาธารณรัฐอินโดนีเซียมีผลประกอบการที่ทรงตัวจากการที่ราคาขายถ่านหินยังอยู่ในระดับที่ดี โดยมีการจำหน่ายถ่านหิน จำนวน 5.05 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 5 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าและร้อยละ 6 จากไตรมาส 2 ของปีนี้ เนื่องจากสภาวะฝนที่ตกไม่เป็นไปตามฤดูกาลในเกาะกาลิมันตัน จึงส่งผลกระทบต่อการผลิตถ่านหินที่เหมืองอินโดมินโคและเหมืองทรูบาอินโด ในขณะที่เหมืองโจ-ร่งมีการผลิตอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ เนื่องจากสามารถเริ่มการผลิตได้ตามปกติในเดือนสิงหาคมหลังจากได้รับใบอนุญาตการใช้พื้นที่ สำหรับธุรกิจถ่านหินในสาธารณรัฐประชาชนจีน มีการบันทึกส่วนแบ่งกำไรจำนวน 130 ล้านบาท ลดลง 618 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 79 จากงวดเดียวกันของปีก่อน และลดลง 1,492 ล้านบาท หรือร้อยละ 91 จากไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งเป็นผลกระทบจากการหยุดการผลิตที่เหมืองต้าหนิงเนื่องจากความล่าช้าในการได้รับการต่ออายุใบอนุญาตการผลิตถ่านหิน ทำให้มีกำลังการผลิตเพียง 0.54 ล้านตันในไตรมาสนี้

อย่างไรก็ตาม ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของบริษัทฯ ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา อยู่ในระดับที่ดีที่ 78.18 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน สูงขึ้นร้อยละ 13 จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าและร้อยละ 1 จากไตรมาส 2/2553 เนื่องจากสภาวะตลาดถ่านหินโดยรวมอยู่ในระดับที่ดีในขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้าที่ 0.71 เหรียญสหรัฐต่อลิตร ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวในอัตราร้อยละ 47

“จากสภาวะราคาถ่านหินในตลาดโลกที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับที่ดี ดังนั้นจึงคาดว่าราคาขายเฉลี่ยถ่านหินของบริษัทฯ ในปีนี้น่าจะอยู่ในระดับที่สูงกว่าปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 71.7 เหรียญสหรัฐต่อตัน โดยปริมาณการจำหน่ายถ่านหินอาจจะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 23 ล้านตันเล็กน้อย ในขณะที่ เป้าหมายรายได้จากการขายรวมของปีนี้จะใกล้เคียงกับปี 2552 ที่ประมาณ 5.8 หมื่นล้านบาท” นายชนินท์กล่าวเพิ่มเติม

นายชนินท์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของธุรกิจไฟฟ้านั้นมีผลประกอบการที่ราบรื่น โดยมีการรับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีจำนวน 1,128 ล้านบาท (รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน จำนวน 311 ล้านบาทจากการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐ) ส่วนผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 3 แห่งในประเทศจีนยังประสบกับต้นทุนราคาถ่านหินที่ยังอยู่ในระดับสูงจึงส่งผลให้กำไรสุทธิอยู่ที่ 24 ล้านบาท หรือปรับลดลงร้อยละ 77 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในบริษัทพลังงานชั้นแนวหน้าของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค โดยฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2553 เมื่อเปรียบเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 มีสินทรัพย์รวมจำนวน 185,753 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84,336 ล้านบาท หรือร้อยละ 83 มีหนี้สินรวมจำนวนทั้งสิ้น 109,207 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63,742 ล้านบาท หรือร้อยละ 140 สำหรับอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2553 เท่ากับ 0.24 เท่า เทียบกับ 0.16 เท่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 ส่วนกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานของบริษัทฯ ประจำไตรมาส 3/2553 เท่ากับ 48.92 บาทต่อหุ้น เมื่อเทียบกับ 14.02 บาทต่อหุ้นของงวดเดียวกันในปีที่ผ่านมา

© 2024 บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) | Banpu Public Company Limited. All rights reserved.