บ้านปูฯรายงานผลประกอบการปี 2556
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการประจำปี 2556 มีกำไรสุทธิจำนวน 103 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3,151 ล้านบาท) ต่ำกว่าปี 2555 เนื่องจากธุรกิจถ่านหินมีกำไรลดลงตามสภาวะราคาถ่านหินโลกที่อ่อนตัว ประกอบกับมีการบันทึกกำไรจากอนุพันธ์ทางการเงินที่ลดลง อย่างไรก็ตามผลการดำเนินงานที่ดีของธุรกิจไฟฟ้า รวมทั้งการดำเนินมาตรการลดต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของบริษัทฯ ช่วยลดผลกระทบจากสภาวะราคาถ่านหินที่ไม่เอื้ออำนวยดังกล่าว
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บ้านปูฯ กล่าวว่าในปี 2556 ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมถ่านหินทั่วโลกได้รับผลกระทบจากสภาวะปริมาณถ่านหินที่มากเกินกว่าความต้องการ ส่งผลให้ราคาถ่านหินในตลาดโลกปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยดัชนีราคาถ่านหิน The Newcastle Export Index (NEX) ได้ปรับลดลงมาสู่ระดับต่ำสุดที่ 77 เหรียญสหรัฐต่อตันในเดือนกรกฎาคม 2556 ซึ่งสภาวะราคาตลาดถ่านหินที่ไม่เอื้ออำนวยดังกล่าวส่งผลโดยตรงต่อรายได้จากธุรกิจถ่านหินของบริษัทฯ แม้ว่าในปีนี้ ปริมาณการขายถ่านหินรวมจะเพิ่มขึ้น 1.22 ล้านตัน เป็น 42.8 ล้านตันก็ตาม โดยเฉพาะแหล่งผลิตถ่านหินในอินโดนีเซียที่มีราคาขายถ่านหินลดลงร้อยละ 17 จากปี 2555 ส่งผลให้ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยโดยรวมของบ้านปูฯ ลดลงจากปีก่อนหน้าร้อยละ 15 มาอยู่ที่ 72.41 เหรียญสหรัฐต่อตัน
ในปี 2556 บ้านปูฯ มีรายได้จากการขายรวมจำนวน 3,351 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 102,944 ล้านบาท) ลดลงร้อยละ 11 จากปีก่อนหน้า แบ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายถ่านหิน จำนวน 3,128 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 93 ของรายได้จากการขายรวม) และรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำจำนวน 192 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นร้อยละ 6 ของรายได้) ธุรกิจไฟฟ้ามีรายได้ที่ดีและมีส่วนสำคัญต่อกำไรสุทธิรวมของบริษัทฯ โดยในปี 2556 ที่ผ่านโรงไฟฟ้า BLCP (ซึ่งบ้านปูฯ ถือหุ้นร้อยละ 50) ดำเนินการผลิตและขายไฟฟ้าได้อย่างราบรื่นและบันทึกส่วนแบ่งกำไรจำนวน 82 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนธุรกิจไฟฟ้าในประเทศจีนมีกำไรสุทธิจำนวน 23.53 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้รับผลดีจากปริมาณการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นในฤดูหนาว และผลการเดินโรงไฟฟ้าที่ดี
ในปีที่ผ่านมา บ้านปูฯ มีกำไรจากธุรกิจถ่านหินจำนวน 36.99 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 192.24 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือร้อยละ 84 จากปีก่อนหน้า ขณะที่ธุรกิจไฟฟ้ามีกำไรสุทธิจำนวน 65.67 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2555 จำนวน 23.22 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือร้อยละ 55 ขณะที่การบันทึกกำไรจากอนุพันธ์ทางการเงินในปีนี้ลดลง 27 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือร้อยละ 74.5 จาก 106 ล้านเหรียญสหรัฐในปีก่อนหน้า
“กำไรสุทธิที่ลดลงเป็นผลจากสภาวะราคาถ่านหินที่อ่อนตัวลง ขณะที่การบันทึกกำไรจากอนุพันธ์ทางการเงินที่ลดลงจำนวน 27 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลต่อกำไรสุทธิโดยรวมของบริษัทฯ ด้วยเช่นกัน อย่างไรตาม รายได้ที่แข็งแกร่งของธุรกิจไฟฟ้าซึ่งเป็นฐานกำไรที่สำคัญต่อผลประกอบการโดยรวม ช่วยลดผลกระทบจากภาวะราคาถ่านหินที่ไม่เอื้ออำนวยในปีที่ผ่านมา และทำให้อัตราส่วนการทำกำไรขั้นต้นต่อยอดขายรวม (Gross Profit Margin) ของบริษัทฯ อยู่ในระดับที่ดีในอัตราร้อยละ 32” นายชนินท์ กล่าว
นายชนินท์ กล่าวอีกว่า บ้านปูฯ ได้ดำเนินมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบดังกล่าว โดยการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตพร้อมทั้งดำเนินโครงการลดต้นทุน ตลอดจนปรับแผนการทำเหมืองให้เหมาะสม การเพิ่มประสิทธิภาพการขนถ่ายถ่านหินและการบริหารท่าเรือเพื่อลดการใช้เชื้อเพลิง การเพิ่มความต่อเนื่องในการขนถ่ายถ่านหินจากหน้าเหมืองไปยังท่าเรือ และการจัดตารางเรือให้ราบรื่นเพื่อลดค่าปรับ ในปี 2556 ที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถลดต้นทุนการขายรวมลง 56 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือร้อยละ 2 จากปีก่อนหน้า
“จากการดำเนินมาตรการต่างๆ เหล่านี้ช่วยให้ปริมาณขายถ่านหินจากแหล่งผลิตในอินโดนีเซียเติบโตร้อยละ 7 เป็น 29.21 ล้านตัน ในขณะที่ต้นทุนขายลดลงร้อยละ 6 เป็น 48.17 เหรียญสหรัฐต่อตัน นอกจากนี้ การปรับแผนการทำเหมืองให้อยู่ในระดับที่ตื้นขึ้นส่งผลอย่างชัดเจนในการช่วยลดต้นทุนการผลิตโดยอัตราส่วนหน้าดินต่อถ่านหิน (Stripping Ratio) ได้ลดลงจาก 12.28 เท่าในปี 2555 เป็น 11.06 เท่าในปี 2556” นายชนินท์ กล่าวปิดท้าย
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทพลังงานแห่งเอเชีย ดำเนินธุรกิจถ่านหินและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องใน 6 ประเทศ คือ ไทย อินโดนีเซีย จีน ออสเตรเลีย ลาวและมองโกเลีย สำหรับฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556 มีสินทรัพย์รวม 7,212 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 236,671 ล้านบาท) และมีหนี้สินรวม 4,620 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 151,612 ล้านบาท) สำหรับอัตราหนี้สินต่อทุน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556 เท่ากับ 1.07 เท่า เทียบกับ 0.79 เท่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555 และมีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน (EPS) เท่ากับ 1.22 บาทต่อหุ้น เทียบกับ 3.106 บาทต่อหุ้นจากปีก่อนหน้า