By clicking “Accept All Cookies”, you agree to the storing of cookies on your device to enhance site navigation, analyze site usage, and assist in our marketing efforts.
Cookies Settings
บ้านปูรายงานผลประกอบการปีงบประมาณ 2547 กำไรเพิ่มขึ้น ร้อยละ 78 จากปริมาณขายและราคาถ่านหินที่สูงขึ้น

บ้านปูรายงานผลประกอบการปีงบประมาณ 2547 กำไรเพิ่มขึ้น ร้อยละ 78 จากปริมาณขายและราคาถ่านหินที่สูงขึ้น

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) รายงานผลดำเนินงานประจำปี 2547 ว่ามีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 3,645 ล้านบาท เพิ่มจากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,599 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 78 ทั้งนี้ เป็นผลจากปริมาณการขายและราคาถ่านหินที่เพิ่มขึ้น สำหรับปี 2548 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการผลิตถ่านหินเพิ่มขึ้นเป็น 18.5 ล้านตัน พร้อมพิจารณาโอกาสในการดำเนินธุรกิจไฟฟ้าในจีน และอินโดนีเซีย

นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ประจำปีงบประมาณ 2547 (1 มกราคม 2547 – 31 ธันวาคม 2547) ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 17,227 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา 4,744 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 38 มีกำไรสุทธิรวม 3,645 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2546 จำนวน 1,599 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 78 โดยมีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานเท่ากับ 13.42 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ซึ่งมีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 7.75 บาทต่อหุ้น

ผลประกอบการของบริษัทฯ ที่ดีขึ้นเป็นผลมาจากราคาและปริมาณขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้น สืบเนื่องจากความต้องการใช้ถ่านหินในประเทศต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้น โดยในปี 2547 บริษัทฯ มีปริมาณขายถ่านหิน จำนวน 15.6 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 จาก 13.72 ล้านตัน ในปี 2546 และมีรายได้จากการจำหน่ายถ่านหิน 17,062 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 99 ของรายได้จากการขายรวม ทั้งนี้แบ่งเป็นรายได้จากการขายถ่านหินจากแหล่งผลิตในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย 15,489 ล้านบาท และจากแหล่งผลิตในไทย 1,573 ล้านบาท ส่วนรายได้จากการจำหน่ายแร่อุตสาหกรรมและบริการอื่น ๆ มีมูลค่า 165 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1 ของรายได้จากการขายรวม สำหรับราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของบริษัทฯ ในปี 2547 เท่ากับ 25.63 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 21

“ ในปี 2547 ภาวะเศรษฐกิจของประเทศอุตสาหกรรมที่สำคัญต่างๆ เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการพลังงาน และเชื้อเพลิงอุปทาน รวมถึงถ่านหินปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ การขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วของจีน ทำให้ผู้ส่งออกถ่านหินของจีน มีความจำเป็นต้องตอบสนองความต้องการใช้ในประเทศ ส่งผลให้การเติบโตของปริมาณถ่านหินในภูมิภาคอยู่ในวงจำกัด และทำให้อุตสาหกรรมถ่านหินในปีที่ผ่านมาประสบกับสภาวะตึงตัว นอกจากนี้ราคาถ่านหินในตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์ จากสภาวการณ์ดังกล่าวส่งผลให้บริษัทฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ส่งออก ถ่านหินไปยังภูมิภาคต่างๆ มีผลประกอบการที่ดี ” นายชนินท์กล่าวเพิ่มเติม

ส่วนฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547 นั้น บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมจำนวน 39,538 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,545 ล้านบาท หรือร้อยละ 16 มีหนี้สินรวมจำนวน 16,423 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,785 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 41 อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547 เท่ากับ 0.22 เท่า เทียบกับ 0.28 เท่าในปี 2546 สำหรับการจ่ายเงินปันผลนั้น คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 2/2548 ณ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2548 ให้จ่ายเงินปันผลในรอบครึ่งปีหลัง 2547 ในอัตรา 3.25 บาท/ หุ้น ซึ่งเป็นการจ่ายจากกำไรส่วนที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน 0.75 บาท และกำไรส่วนที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน 2.50 บาท ต่อหุ้น ทั้งนี้จะนำเสนอต่อที่ประชุมประจำปีผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในเดือนเมษายนต่อไป สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2547 บริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลไปแล้วในอัตรา 2.25 บาท/ หุ้น รวมเป็นจ่ายเงินปันผลประจำปี 5.50 บาท/ หุ้น

นายชนินท์ยังได้กล่าวถึงแนวทางในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในปี 2548 ว่ายังคงมีแผนที่จะขยายการลงทุนในธุรกิจหลักได้แก่ ธุรกิจถ่านหิน และธุรกิจไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียที่มีศักยภาพและสามารถเพิ่มมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้น โดยมีสัดส่วนธุรกิจถ่านหิน ต่อธุรกิจไฟฟ้าที่ประมาณ 70 : 30 ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีนโยบายขายเงินลงทุนในธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก ซึ่งรายได้จากการขายธุรกิจ ดังกล่าว จะนำมาสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพการเติบโตของธุรกิจหลักของบริษัทฯ ต่อไป

สำหรับธุรกิจถ่านหินในปี 2548 บริษัทฯ มีแผนผลิตถ่านหินเพิ่มจาก 15.6 ล้านตันในปี 2547 เป็น 18.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 2.9 ล้านตัน หรือร้อยละ 18 ซึ่งปริมาณท ี่เพิ่มขึ้นมาจากการผลิตถ่านหินจำนวน 2.1 ล้านตัน ของเหมืองทรูบาอินโด ในอินโดนีเซียและการเพิ่มปริมาณจากเหมืองอื่นๆด้วย โดยบริษัทฯ มีปริมาณสำรองถ่านหิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547 ที่ 300.8 ล้านตัน ส่วนสถานการณ์ราคาถ่านหินนั้น คาดการณ์ว่าราคาเฉลี่ยของถ่านหินในปีนี้จะยังคงสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เพราะความต้องการใช้พลังงานในภูมิภาคเอเชียยังคงอยู่ในระดับสูง

ในส่วนของธุรกิจไฟฟ้า บริษัทฯ ยังคงเน้นการลงทุนและการมีส่วนร่วมในการบริหารงานในธุรกิจไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นหลัก ขณะเดียวกัน ยังพิจารณาโอกาสขยายธุรกิจไฟฟ้าในจีนและ อินโดนีเซียอีกด้วย สำหรับโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ที่บริษัทฯ ร่วมลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 50 นั้น ขณะนี้การก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณร้อยละ 27 คาดว่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าหน่วยที่ 1 จะแล้วเสร็จตามแผนและจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ในเดือนตุลาคม 2549 และหน่วยที่ 2 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2550 โดยโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี มีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าที่ 1,434 เมกะวัตต์

© 2024 บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) | Banpu Public Company Limited. All rights reserved.