By clicking “Accept All Cookies”, you agree to the storing of cookies on your device to enhance site navigation, analyze site usage, and assist in our marketing efforts.
Cookies Settings
บ้านปูฯ คาดยอดขายถ่านหินปี 2552 เป็นไปตามเป้าหมายที่ 20.5 ล้านตัน คาดรายได้จากการขายรวมปีนี้จะโตร้อยละ 12

บ้านปูฯ คาดยอดขายถ่านหินปี 2552 เป็นไปตามเป้าหมายที่ 20.5 ล้านตัน คาดรายได้จากการขายรวมปีนี้จะโตร้อยละ 12

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) บริษัทพลังงานแห่งเอเชียที่มีความฉับไว คาดปริมาณขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้นอีก 2 ล้านตันในปีนี้ จะทำให้รายได้จากการขายรวมของบริษัทฯ เติบโตร้อยละ 12 ตามที่คาดการณ์ไว้
แม้ราคาขายถ่านหินในช่วงครึ่งปีหลังจะอ่อนตัวลง

นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บ้านปู กล่าวในระหว่างงานแถลงผลประกอบการประจำครึ่งปีแรก 2552 ว่าในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาบริษัทฯ มีผลการดำเนินงานอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยมีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 8,780 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,407 ล้านบาท หรือร้อยละ 101 เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก 2551 ทั้งนี้แบ่งเป็นกำไรสุทธิจากธุรกิจถ่านหินจำนวน 6,469 ล้านบาท และจากธุรกิจไฟฟ้าจำนวน 2,311 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 74 และ ร้อยละ 26 ของกำไรสุทธิตามลำดับ

“ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ กำไรจากธุรกิจถ่านหินปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้เป็นผลมาจากราคาขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้นจากการทำสัญญาซื้อขายถ่านหินล่วงหน้าในช่วงกลางปี 2551 ซึ่งอยู่ในช่วงที่ราคาถ่านหินในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจถ่านหินในสาธารณรัฐประชาชนจีนอยู่ในเกณ์ที่ดีเช่นกัน เพราะได้รับผลดีจากปริมาณการผลิตที่สูงขึ้นและราคาขายถ่านหินในประเทศจีนที่ยังอยู่ในระดับดี” นายชนินท์ กล่าว

ในครึ่งปีแรก 2552 บ้านปูฯ ได้ขายและส่งมอบถ่านหินจากแหล่งผลิตในสาธารณรัฐอินโดนีเซียไปแล้วจำนวน 8.6 ล้านตัน จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 20.5 ล้านตัน ดังนั้นการจำหน่ายและส่งมอบถ่านหินที่เหลืออีกประมาณ 12 ล้านตันหรือร้อยละ 58 จะดำเนินการในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายแม้ว่าจะมีความเสี่ยงในการส่งมอบถ่านหินอยู่บ้างแต่ไม่มากนัก อย่างไรก็ตามคาดว่าผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะต่ำกว่าครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เพราะรายได้ของธุรกิจถ่านหินลดลงจากการตกลงราคาขายถ่านหินในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในช่วงปลายปี 2551 ซึ่งเป็นช่วงที่สภาวะราคาถ่านหินในตลาดโลกอ่อนตัวลง นอกจากนี้การรับรู้สัดส่วนกำไรจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี จะลดจากช่วงครึ่งปีแรกเนื่องจากการหยุดซ่อมบำรุงประจำปีของโรงไฟฟ้าในปลายปีนี้

“ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยในครึ่งปีหลังจะมากกว่า 60 เหรียญสหรัฐต่อตัน เทียบกับครึ่งปีแรกซึ่งอยู่ที่ ประมาณ 78.86 เหรียญสหรัฐต่อตัน ดังนั้นรายได้จากธุรกิจถ่านหินในครึ่งปีหลังจะลดลงแม้ว่าปริมาณจำหน่ายถ่านหินจะเพิ่มขึ้นอีก 2 ล้านตัน จาก 18.5 ล้านตันในปี 2551 เป็น 20.5 ล้านตันในปีนี้” นายชนินท์กล่าวเพิ่มเติม

สำหรับราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของปี 2552 นั้น นายชนินท์กล่าวว่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่ 72 เหรียญสหรัฐต่อตัน โดยบริษัทฯ ได้กำหนดราคาและทำสัญญาซื้อขายถ่านหินของปี 2552 ไปแล้วร้อยละ 90 ของปริมาณถ่านหินที่จะจำหน่ายทั้งหมด และคาดว่ารายได้จากการขายรวมในปีนี้จะเติบโตร้อยละ 12 ตามที่คาดการณ์ไว้คือ รายได้จากการขายรวมจะเพิ่มจาก 50,530 ล้านบาทในปี 2551 มาอยู่ที่ประมาณ 56,594 ล้านบาทในปีนี้

“ส่วนในปี 2553 นั้น คาดว่าปริมาณการผลิตถ่านหินในอินโดนีเซียจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10 หรือประมาณ 22-23 ล้านตัน ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ ได้ทำสัญญากำหนดราคาขายถ่านหินล่วงหน้าของปริมาณถ่านหินที่จะจำหน่ายในปี 2553 ไปแล้วร้อยละ 30 ทั้งที่เป็นส่วนที่ทำสัญญากำหนดราคาขายกับลูกค้า และส่วนที่ทำสัญญาอนุพันธ์ขายถ่านหินล่วงหน้า” นายชนินท์ กล่าวปิดท้าย

© 2024 บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) | Banpu Public Company Limited. All rights reserved.