By clicking “Accept All Cookies”, you agree to the storing of cookies on your device to enhance site navigation, analyze site usage, and assist in our marketing efforts.
Cookies Settings
บ้านปูฯ คาดยอดขายปี 2554 โตร้อยละ 40

บ้านปูฯ คาดยอดขายปี 2554 โตร้อยละ 40

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) คาดยอดขายรวมปี 2554 จะโตประมาณร้อยละ 40 จากปีที่ผ่านมาโดยมาจากปริมาณและราคาขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราการเติบโตใน 5 ปีข้างหน้าจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 12-13 ต่อปี
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด(มหาชน) กล่าวในงานแถลงข่าว คาดว่ารายได้จากการขายรวมในปี 2554 นี้ จะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 40 หรือเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 90,000 ล้านบาท จาก 65,285 ล้านบาทในปี 2553 ที่ผ่านมา เนื่องจากปริมาณการผลิตและขายถ่านหินที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 44-45 ล้านตัน จาก 25.9 ล้านตันในปี 2553 หลังการเข้าซื้อกิจการบริษัท Centennial Coal ในออสเตรเลีย ซึ่งจะถูกบันทึกเข้ามาเป็นรายได้ของบ้านปูฯ เต็มจำนวนในปีนี้ ในขณะเดียวกันคาดว่าราคาขายถ่านหินเฉลี่ยในปีนี้จะสูงกว่า 80 เหรียญสหรัฐต่อตันเทียบกับ 74.65 เหรียญสหรัฐต่อตันในปีก่อน ทั้งนี้เนื่องจากราคาถ่านหินในตลาดภูมิภาคยังอยู่ในสภาวะที่ดีต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ขณะที่ความต้องการใช้ถ่านหินยังคงอยู่ในระดับที่สูงเช่นกัน
“ปริมาณถ่านหินประมาณ 44-45 ล้านตันที่คาดว่าจะผลิตและจำหน่ายในปี 2554 นั้น จะมาจากแหล่งเหมืองในอินโดนีเซียประมาณ 26 ล้านตัน และจากเหมืองในออสเตรเลียประมาณ 18-19 ล้านตัน ในขณะที่ราคาขายถ่านหินก็คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน จึงน่าจะส่งผลให้รายได้ของปีนี้โตประมาณร้อยละ40” นายชนินท์ กล่าว
ในปี 2553 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้จากการขายถ่านหินและรายได้อื่นที่เกี่ยวข้องกับถ่านหินจำนวน 60,420 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากแหล่งผลิตในอินโดนีเซียจำนวน 53,329 ล้านบาท ออสเตรเลียจำนวน 6,498 ล้านบาท และประเทศไทยจำนวน 594 ล้านบาท ส่วนรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำมีจำนวน 4,865 ล้านบาท สำหรับกำไรสุทธิในปีที่ผ่านมามีจำนวนทั้งสิ้น 24,728 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10,499 ล้านบาท หรือร้อยละ 74 จากปี 2552 แบ่งเป็นกำไรจากธุรกิจถ่านหิน จำนวน 6,103 ล้านบาท ธุรกิจไฟฟ้า จำนวน 3,399 ล้านบาท และกำไรจากการจำหน่ายสัดส่วนการถือหุ้นบางส่วนร้อยละ 8.72 ในบริษัท ITM และการจำหน่ายเงินลงทุนทั้งหมดร้อยละ 14.9 ในบริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้งฯ รวมจำนวน 15,226 ล้านบาท
นายชนินท์ กล่าวอีกว่า แม้ว่าปริมาณและราคาขายถ่านหินในปีนี้จะปรับสูงขึ้น แต่ต้นทุนการผลิตถ่านหินได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกันตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีแนวโน้มปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจากการทำเหมืองในระดับที่ลึกขึ้น รวมไปถึงการปรับเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิตทั้งในส่วนของผู้รับเหมา และเครื่องจักร นอกจากนี้คาดว่าการรับรู้กำไรจากธุรกิจถ่านหินในออสเตรเลีย จะยังไม่มากนัก เนื่องจากยังมีต้นทุนทางการเงิน และค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย เป็นต้น ดังนั้นจึงคาดว่ากำไรจากการดำเนินงานในปีนี้จะเติบโตในระดับที่ไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับยอดขาย แต่จะอยู่ในระดับที่ดีกว่าปี 2553
สำหรับอัตราการเติบโตของบ้านปูฯ ในช่วง 5 ปีข้างหน้า (2554 – 2558) นั้น คาดว่าจะมีอัตราเฉลี่ยประมาณร้อยละ 12-13 ต่อปี โดยตามแผนกลยุทธ์ระยะยาวที่จะเน้นธุรกิจถ่านหินมากขึ้นนั้น คาดว่าในปี 2558 สัดส่วนของธุรกิจถ่านหินจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 85-90 ส่วนธุรกิจไฟฟ้ารวมทั้งพลังงานใหม่ จะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 10-15 ของมูลค่าธุรกิจ (Enterprise Value)
“หากแยกตามฐานธุรกิจ คาดว่าในปี 2558 มูลค่าธุรกิจของบริษัทฯ ในประเทศออสเตรเลียจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 35-36 อินโดนีเซียประมาณร้อยละ 33-34 ประเทศจีนประมาณร้อยละ 20 และในประเทศไทยประมาณร้อยละ 10-15” นายชนินท์กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2554 นี้ บริษัทฯ ได้เตรียมงบลงทุนประมาณ 140 ล้านเหรียญสหรัฐจากงบลงทุนในแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจระยะยาวทั้งหมดจำนวน 466 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อใช้ในการพัฒนาและขยายธุรกิจถ่านหินที่มีอยู่ในปัจจุบัน แบ่งเป็นการลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย 120 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนใหญ่จะใช้ในการพัฒนาเหมืองบารินโตและเหมืองทรูบาอินโด และที่เหลืออีกจำนวน 20 ล้านเหรียญสหรัฐจะใช้สำหรับเป็นงบลงทุนงวดสุดท้ายของการพัฒนาเหมืองเกาเหอ ในประเทศจีน โดยจะมีกำหนดเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทพลังงานแห่งเอเชียที่มีความฉับไว ดำเนินธุรกิจถ่านหินและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยมีฐานธุรกิจใน 4 ประเทศหลัก คือ ไทย อินโดนีเซีย จีน และออสเตรเลีย สำหรับฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2553 มีสินทรัพย์รวม 193,598 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 91 จากปีก่อนหน้า และมีหนี้สินรวม 123, 885 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 172 จากปีก่อนหน้า อัตราหนี้สินสุทธิต่อทุน 1.06 เท่า เทียบกับ 0.16 เท่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 และมีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานเท่ากับ 91 บาทต่อหุ้น ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 74 เมื่อเทียบกับ 52.36 บาทต่อหุ้นในปี 2552

© 2024 บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) | Banpu Public Company Limited. All rights reserved.