By clicking “Accept All Cookies”, you agree to the storing of cookies on your device to enhance site navigation, analyze site usage, and assist in our marketing efforts.
Cookies Settings
บ้านปูฯ รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปีงบประมาณ 2548 กำไรเพิ่มขึ้นเนื่องจากปริมาณขายและราคาถ่านหินที่สูงขึ้น

บ้านปูฯ รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปีงบประมาณ 2548 กำไรเพิ่มขึ้นเนื่องจากปริมาณขายและราคาถ่านหินที่สูงขึ้น

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ประจำปีงบประมาณ 2548 (1 กรกฎาคม 2548 – 30 กันยายน 2548) มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 490 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 41 จากงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เป็นผลมาจากปริมาณขายถ่านหินเพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาขายถ่านหินที่สูงขึ้นด้วย

นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 3 ประจำปีงบประมาณ 2548 ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 7,508 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา 2,723 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 57 มีกำไรสุทธิรวม 1,683 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา 490 ล้านบาท หรือร้อยละ 41 มีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานเท่ากับ 6.19 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจาก 4.39 บาทต่อหุ้นในงวดเดียวกันของปีก่อน

“รายได้ที่เพิ่มขึ้นของบริษัทฯ เป็นผลมาจากปริมาณและราคาขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้น” นายชนินท์กล่าว

ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของบริษัทในไตรมาสที่ 3 สูงขึ้นเป็น 37.73 เหรียญสหรัฐต่อตัน หรือสูงขึ้นร้อยละ 43 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการจำหน่ายถ่านหิน 7,457 ล้านบาท หรือร้อยละ 99 เป็นรายได้จากการขายถ่านหินจากแหล่งผลิตในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย 6,856 ล้านบาท และรายได้จากการขายถ่านหินจากแหล่งผลิตในประเทศไทย 601 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีรายได้จากการจำหน่ายแร่อุตสาหกรรมและบริการอื่นอีกจำนวน 51 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1 ของรายได้รวม

จากการที่เหมืองทรูบาอินโดเริ่มดำเนินการผลิตเต็มกำลัง ตลอดจนการที่เหมืองอินโดมินโคได้ปรับปรุงระบบการผลิตต่าง ๆ ทำให้ปริมาณการส่งมอบถ่านหินในไตรมาสที่ 3 มีจำนวนทั้งสิ้น 4.62 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 0.84 ล้านตัน หรือประมาณร้อยละ 22 เมื่อเทียบจากไตรมาสที่ผ่านมา เหมืองทรูบาอินโดมีปริมาณขายจำนวน 0.54 ล้านตัน เทียบกับในไตรมาสที่แล้ว ที่มีเพียง 0.08 ล้านตัน สำหรับเหมืองอินโดมินโคนั้นได้มีปริมาณขายเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ ผ่านมา 0.32 ล้านตันเป็น 2.03 ล้านตัน เนื่องมาจากในไตรมาสที่ 3 เป็นช่วงฤดูแล้งในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย จึงทำให้การผลิตและการบริหารระบบการขนส่งดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ“ นายชนินท์กล่าวเสริม

ในไตรมาสที่ 3 บ้านปูฯ บันทึกรายได้จากเงินปันผล จำนวน 227 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการรับรู้เงินปันผลจากบริษัทจดทะเบียนแห่งหนึ่งที่ดำเนินธุรกิจไฟฟ้า ในด้านกำไรที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักนั้น บริษัทฯ ได้ทยอยจำหน่ายเงินลงทุนในหลักทรัพย์เผื่อขายในบริษัทจดทะเบียนแห่งหนึ่ง และได้บันทึกกำไรก่อนภาษี จำนวน 506 ล้านบาท ลดลง 189 ล้านบาทจากไตรมาสที่ผ่านมา อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2548 เท่ากับ 0.25 เท่า บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมจำนวน 41,331 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,793 ล้านบาท หรือร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547

จากการที่บ้านปูฯ ให้ความสำคัญในเรื่องระบบการบริหารจัดการรวมไปถึงการดำเนินธุรกิจตามหลักบรรษัทภิบาลอย่างเคร่งครัด ส่งผลให้บริษัทฯ ได้รับการยอมรับและความเชื่อมั่นจากประชาชน ตลอดจนสถาบันและองค์กร ต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง โดยจะเห็นได้จากรางวัลต่าง ๆ ที่บริษัทฯ ได้รับเมื่อเร็ว ๆ นี้ ดังนี้
– บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้เพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันในปัจจุบันของบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) จากระดับ “A” เป็นระดับ “A+”
– บริษัทฯ ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทฯ ที่มีคะแนนธรรมาภิบาลสูงสุด 10 อันดับแรกของประเทศ จากการประเมินการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียน 371 แห่ง ซึ่งจัดโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD)

© 2024 บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) | Banpu Public Company Limited. All rights reserved.