By clicking “Accept All Cookies”, you agree to the storing of cookies on your device to enhance site navigation, analyze site usage, and assist in our marketing efforts.
Cookies Settings
บ้านปูฯ รายงานผลประกอบการไตรมาส3/2556

บ้านปูฯ รายงานผลประกอบการไตรมาส3/2556

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) (BANPU) รายงานผลดำเนินงานประจำไตรมาส 3 ปี 2556 มีกำไรสุทธิจำนวน 30 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 944 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 42 จากไตรมาส 2/2556 เป็นผลจากการปรับลดต้นทุนการผลิต ซึ่งผลการดำเนินดังกล่าวถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ในสภาวะที่ราคาถ่านหินอ่อนตัว อย่างไรก็ตามราคาถ่านหินในขณะนี้ถึงจุดต่ำสุดแล้ว และเริ่มมีเสถียรภาพ

นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บ้านปูฯ กล่าวว่า แม้ว่ากำไรสุทธิในไตรมาสนี้จะลดลง หากเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2555 ที่ผ่านมา แต่กำไรสุทธิจำนวน 30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในไตรมาส 3 ของปีนี้ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เมื่อเทียบกับสถาวะราคาถ่านหินในตลาดโลกที่อ่อนตัวลงมาตั้งแต่กลางปี 2555 ที่ผ่านมา โดยในไตรมาส 3 นี้ ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของบ้านปูฯ อยู่ที่ 70.14 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่วนราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของแหล่งผลิตในประเทศอินโดนีเซียเท่ากับ 72.65 เหรียญสหรัฐต่อตัน ขณะที่ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยจากเหมืองในประเทศออสเตรเลียเท่ากับ 70.90 เหรียญออสเตรเลียต่อตัน ทั้งนี้ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมาบ้านปูฯ ผลิตและจำหน่ายถ่านหินรวมจำนวน 10.72 ล้านตัน ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า แบ่งเป็นการผลิตและจำหน่ายถ่านหินจากแหล่งผลิตในอินโดนีเซีย และออสเตรเลียจำนวน 7.51 ล้านตัน และ 3.21 ล้านตัน ตามลำดับ

“ราคาถ่านหิน ณ ปัจจุบัน ถึงจุดต่ำสุดแล้ว และเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในไตรมาส 3 ที่ ผ่านมานั้น ถือว่าผลประกอบการของบ้านปูฯ อยู่ในเกณท์ที่ดี เมื่อเทียบกับสภาวะถ่านหินในตลาดโลก” นายชนินท์กล่าว

ในไตรมาส 3/ 2556 บ้านปูฯ มีรายได้จากการขายรวม 809 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 25,477 ล้านบาท) โดยร้อยละ 94 หรือจำนวน 760 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 23,924 ล้านบาท) มาจากการขายถ่านหิน ส่วนอีกร้อยละ 5 หรือ 41 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,291 ล้านบาท) มาจากการจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำ

สำหรับธุรกิจไฟฟ้าในไตรมาส 3 นั้น บริษัทฯ รับรู้ผลกำไรของโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี จำนวน 27 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 850 ล้านบาท) ส่วนโรงไฟฟ้าในประเทศจีนบันทึกกำไรสุทธิจำนวน 3 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 94.44 ล้านบาท)

“แม้ว่าสภาวะตลาดถ่านหินจะยังคงไม่เอื้ออำนวย แต่ด้วยมาตรการที่เน้นการบริหารต้นทุนการผลิตให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด เชื่อว่าจะสามาถช่วยลดผลกระทบต่อการดำเนินงานของบ้านปูฯ ได้ โดยในไตรมาส 3/ 2556 ที่ผ่านมา ต้นทุนเฉลี่ยของเหมืองในอินโดนีเซียอยู่ที่ 44 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่วนเหมืองถ่านหินในออสเตรเลียมีต้นทุนเฉลี่ยที่ 52 เหรียญออสเตรเลียต่อตัน ตามลำดับ” นายชนินท์กล่าว

นายชนินท์กล่าวอีกว่าในปีนี้คาดว่าบ้านปูฯ จะผลิตและจำหน่ายถ่านหินจากแหล่งผลิตในอินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และจีน รวมประมาณ 46 ล้านตันตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขยายตลาดการส่งออกถ่านหินไปยังประเทศในอาเซียนมากขึ้น เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่บริษัทฯ

“เรามีแผนที่จะขยายตลาดไปยังประเทศในอาเซียนมากขึ้น โดยเฉพาะเวียดนาม ซึ่งจะเป็นตลาดใหม่ ในขณะเดียวกันก็จะเน้นในตลาดเดิมทั้ง 3 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย เพราะคาดว่าในอนาคตประเทศเหล่านี้จะมีความต้องการใช้ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้ามากขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ” นายชนินท์กล่าวปิดท้าย

ปัจจุบันตลาดส่งออกถ่านหินของบ้านปูฯ ประกอบด้วย จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ อินเดีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ฮ่องกง อินโดนีเซีย ไทย ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และอิตาลี

© 2024 บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) | Banpu Public Company Limited. All rights reserved.