บ้านปูฯ รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/54 เพิ่ม
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 1 ปี 2554 มีกำไรสุทธิ 9,163 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 237 เนื่องจากผลการดำเนินงานที่ดีของธุรกิจถ่านหินในประเทศอินโดนีเซีย และปริมาณขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้นหลังการเข้าซื้อ Centennial Coal ในประเทศออสเตรเลีย รวมทั้งการบันทึกกำไรจากการขายเหมืองถ่านหินต้าหนิงในประเทศจีน
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กำไรสุทธิในไตรมาส 1/54 จำนวน 9,163 ล้านบาทประกอบด้วยกำไรจากธุรกิจถ่านหินจำนวน 8,829 ล้านบาท และธุรกิจไฟฟ้าจำนวน 334 ล้านบาท ซึ่งกำไรสุทธิที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า) นั้น ส่วนหนึ่งมาจากการจำหน่ายเงินลงทุนทั้งหมดในเหมืองถ่านหินต้าหนิง ประเทศจีน ที่บริษัทฯ รับรู้กำไรหลังหักภาษีจำนวน 6,307 ล้านบาท ในขณะที่กำไรจากธุรกิจถ่านหินปรับตัวสูงขึ้น จากปริมาณขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้นหลังเข้าซื้อกิจการบริษัท Centennial Coal เมื่อปลายปี 2553 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังได้รับผลดีจากราคาขายถ่านหินเฉลี่ยจากแหล่งผลิตในประเทศอินโดนีเซียที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 87.39 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 32 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นผลจากราคาถ่านหินในตลาดภูมิภาคที่ปรับตัวสูงขึ้น
“กำไรจากธุรกิจหลักถือว่าอยู่ในระดับที่ดี โดยเฉพาะธุรกิจถ่านหิน ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยที่สูงขึ้นของแหล่งผลิตในอินโดนีเซียช่วยชดเชยภาระต้นทุนน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 29 จากไตรมาส 4/53 เป็น 0.93 เหรียญสหรัฐต่อลิตร ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจถ่านหินในอินโดนีเซียปรับตัวสูงขึ้นเป็นร้อยละ 47 จากร้อยละ 45 ในปีก่อนหน้า ส่วนธุรกิจถ่านหินในออสเตรเลียมีผลการดำเนินงานที่ราบรื่น อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน เป็นร้อยละ 38 จากร้อยละ 32 ในไตรมาสก่อนหน้า” นายชนินท์ กล่าว
ในไตรมาส 1/54 ที่ผ่านมา บ้านปูฯ มีปริมาณการผลิตและขายถ่านหินจำนวน 9.1 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 47 จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า แบ่งเป็นปริมาณการผลิตและขายจากแหล่งผลิตในอินโดนีเซียจำนวน 5.4 ล้านตัน และ ออสเตรเลียจำนวน 3.7 ล้านตัน โดยมีรายได้จากการขายรวม 24,178 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,927 ล้านบาท หรือร้อยละ 59 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า แบ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายถ่านหินจำนวน 22,716 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 94 ของรายได้จากการขายรวม ซึ่งเป็นผลจากปริมาณและราคาขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้น ส่วนรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 3 แห่งในประเทศจีน และรายได้อื่นๆ มีจำนวน 1,462 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6 ของยอดขายรวม
“ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาธุรกิจไฟฟ้ามีผลกำไรที่ลดลง โดยโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีได้ดำเนินการผลิตไฟฟ้าอย่างราบรื่น อย่างไรก็ตามส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี มีจำนวน 529 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 47 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากราคารับซื้อไฟฟ้าในปีนี้ปรับลดลงตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และมีการบันทึกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 20 ล้านบาท ในขณะเดียวกันโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 3 แห่งในประเทศจีนรายงานกำไรสุทธิจานวน 126 ล้านบาท ลดลงจาก 250 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว” นายชนินท์กล่าวปิดท้าย
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทพลังงานแห่งเอเชียที่มีความฉับไว ดำเนินธุรกิจถ่านหินและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยมีฐานธุรกิจใน 4 ประเทศหลัก คือ ไทย อินโดนีเซีย จีน และออสเตรเลีย สำหรับฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2554 มีสินทรัพย์รวม 200,202 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2553 และมีหนี้สินรวม 123,632 ล้านบาท ลดลง 430 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2553 สำหรับอัตราหนี้สินสุทธิต่อทุน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2554 เท่ากับ 0.98 เท่า เทียบกับ 1.016 เท่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2553 และมีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน (EPS) เท่ากับ 33.72 บาทต่อหุ้น เทียบกับ 9.92 บาทต่อหุ้นในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า