By clicking “Accept All Cookies”, you agree to the storing of cookies on your device to enhance site navigation, analyze site usage, and assist in our marketing efforts.
Cookies Settings
“กองทุนมิตรผล-บ้านปูฯ” เพิ่มงบช่วยไทยอีก 500 ล้านบาท รวมเป็น 1 พันล้านบาท แจง 7 หมวดหมู่ความช่วยเหลือ เคียงข้างคนไทยก้าวผ่านวิกฤติ

“กองทุนมิตรผล-บ้านปูฯ” เพิ่มงบช่วยไทยอีก 500 ล้านบาท รวมเป็น 1 พันล้านบาท แจง 7 หมวดหมู่ความช่วยเหลือ เคียงข้างคนไทยก้าวผ่านวิกฤติ

1 ตุลาคม 2564 – ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ที่ยังคงส่งผลกระทบเป็นวงกว้างกับทุกภาคส่วน ไม่ว่ากับผู้ประกอบการ สังคม ชุมชน และประชาชนทั่วไป ‘กองทุนมิตรผล-บ้านปู รวมใจช่วยไทย สู้ภัย COVID-19’ เล็งเห็นถึงความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น จึงมุ่งเดินหน้าสานต่อภารกิจเคียงข้างคนไทย ฝ่าวิกฤติโควิด-19 โดยเพิ่มงบประมาณอีก 500 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นเป็น 1,000 ล้านบาท  พร้อมกลยุทธ์ 7 หมวดหมู่ของการส่งมอบความช่วยเหลือ โดยส่วนหลักจะมุ่งเน้นไปที่การช่วยเหลือภาคประชาชนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ทั้งในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่และสุขภาวะ อีกส่วนหนึ่งจัดสรรไว้สำหรับการช่วยเหลือด้านสาธารณสุขในการสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นเพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จนกว่าสถานการณ์ในประเทศจะกลับสู่ภาวะปกติอีกครั้ง

ในงานแถลงข่าวออนไลน์ “มิตรผล-บ้านปู เคียงข้างคนไทย เติมพลังใจก้าวผ่านวิกฤติ” กลุ่มมิตรผลและบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ยืนยันเจตนารมณ์ของ “กองทุนมิตรผล-บ้านปู รวมใจช่วยไทย สู้ภัย COVID-19” ที่จะสานต่อภารกิจเคียงข้างคนไทย โดยจะมุ่งเน้นไปที่การช่วยเหลือภาคประชาชนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ และสุขภาวะมากขึ้น ด้วยการจัดตั้งงบประมาณเพิ่มเติมอีก 500 ล้านบาท หรืองบประมาณเพิ่มเติมอีกบริษัทละ 250 ล้านบาท โดยกำหนดทิศทางการสนับสนุนและช่วยเหลือให้ตอบโจทย์ครอบคลุมประเด็นหลักๆ ที่สังคมไทยประสบจากวิกฤติโควิด-19 แบ่งเป็น 7 หมวดหมู่ ได้แก่ 1. การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ 2. การสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์แก่โรงพยาบาลและหน่วยงานด้านสาธารณสุข 3. การสนับสนุนบริการสาธารณสุขเชิงรุก 4. การสนับสนุนงานด้านการป้องกันการแพร่ระบาด และกิจกรรมฌาปนกิจศพผู้ป่วยโควิด-19 5. การสนับสนุนกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และผู้เกี่ยวข้อง 6. การเยียวยาด้านสุขภาพจิต และ 7.จุดประสงค์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

นายบรรเทิง ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร กลุ่มมิตรผล กล่าวว่า “ตั้งแต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระลอกแรก จุดแข็งในการทำงานของกองทุนมิตรผล-บ้านปู คือ รวดเร็ว ตรงจุด เข้าใจ และเข้าถึง เน้นความร่วมมือกับทุกภาคส่วน สนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สำคัญแก่บุคลากรทางการแพทย์ซึ่งเป็นด่านหน้าในการต่อสู้กับโรคระบาด และของใช้ที่จำเป็นในการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 แก่โรงพยาบาล กระทรวงสาธารณสุข มูลนิธิ และหน่วยงานต่างๆ เมื่อสถานการณ์ด้านสาธารณสุขค่อนข้างมีความพร้อมที่จะรองรับการดูแลรักษาและป้องกันการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่สิ่งที่ได้รับผลกระทบ และความเสียหายอย่างหนัก คือเรื่องเศรษฐกิจซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับเรื่องปากท้องของประชาชน เราจึงกำหนดทิศทางความช่วยเหลือที่สามารถตอบโจทย์กับความต้องการอย่างแท้จริง ด้วยการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเร่งด่วน ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเรื่องปากท้อง ต่อลมหายใจให้ผู้ประกอบการรายย่อย ช่วยลดต้นทุนและสามารถสู้ต่อได้ สร้างให้เกิดการจ้างงาน เพื่อกระจายรายได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจชุมชน กลุ่มมิตรผลและบ้านปูมุ่งเน้นการทำงานที่คล่องตัวและไม่ซ้ำซ้อน เน้นการร่วมมือกับเครือข่ายที่มี เพื่อกระจายความช่วยเหลือสู่กลุ่มคนที่เดือดร้อนได้อย่างทันท่วงที และมีประสิทธิผล”

ด้านนางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ช่วงเวลากว่า 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา กองทุนฯ ให้การสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุขที่จำเป็นในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แก่โรงพยาบาลและหน่วยงานสาธารณสุข รวมถึงช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบเชิงเศรษฐกิจในชุมชนต่างๆ ผ่านความร่วมมือและการสนับสนุนองค์กร มูลนิธิ และกลุ่มอาสาสมัคร รวมกว่า 380 หน่วยงาน ในพื้นที่ 40 จังหวัดทั่วประเทศ การแบ่งปันความรู้ ข้อมูล พร้อมถอดบทเรียนที่พบเจอจากการดำเนินงานที่ผ่านมา ทำให้เราเข้าใจปัญหา สามารถตอบโจทย์ตามความต้องการ และช่วยบรรเทาผลกระทบให้แก่ผู้ที่เดือดร้อนจากวิกฤติโควิด-19 ได้อย่างแท้จริง จึงผนึกกำลังกับกลุ่มมิตรผลในการเพิ่มงบประมาณอีก 500 ล้านบาท โดยมี 7 หมวดหมู่ เป็นเกณฑ์หลักในการพิจารณาส่งมอบความช่วยเหลือ นอกจากงบประมาณส่วนหนึ่งจะจัดสรรไว้เพื่อสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้ว ครั้งนี้เราเน้นช่วยเหลือปัญหาด้านปากท้อง ชีวิตความเป็นอยู่ของกลุ่มผู้คนที่ได้รับผลกระทบ เป็นการเติมพลังใจคนไทยในการก้าวผ่านความยากลำบากจากวิกฤติที่เกิดขึ้น”

ในช่วงเสวนาพิเศษหัวข้อ “รวมพลังช่วยไทยอย่างไรให้ไปต่อ” ในงานแถลงข่าวออนไลน์ครั้งนี้ยังได้รับเกียรติจากแขกรับเชิญ 4 ท่าน ได้แก่ ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่มีบทบาทในการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ให้แก่ประชาชน เพื่อการป้องกัน การปรับตัว และการดูแลตนเองให้ปลอดภัย คุณพรรณทิพย์ เพชรมาก รองผู้อำนวยการ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับภารกิจสนับสนุนชุมชนในการบริหารจัดการเพื่อการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 และควบคุมการแพร่ระบาดในพื้นที่แออัด หม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรี ยุคล ผู้ก่อตั้ง “โครงการต้องรอด โดยกลุ่ม Up for Thai” ที่มาเน้นย้ำถึง 3 ระยะของการช่วยเหลือในช่วงเวลาที่เกิดภัยพิบัติ คือ ระยะเร่งด่วน ระยะเยียวยา และระยะฟื้นฟู ที่เราควรถ่ายทอดองค์ความรู้ที่เกิดขึ้นให้แพร่หลายเพื่อการบริหารจัดการที่ดีขึ้นในอนาคต และ ดร.กฤษดา กฤตยากีรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เออร์เบิน โมบิลิตี้ เทค จำกัด ที่มากล่าวถึงจุดประสงค์ของโครงการ “มูฟมี อาสาขนส่ง ห่วงใย โดยกองทุนมิตรผล-บ้านปูฯ” ในการนำรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า MuvMi มาใช้ในการจัดส่งผู้ที่หายป่วยจากโควิด-19 เดินทางกลับบ้าน และการส่งของที่จำเป็นเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทั้งอาหาร และชุดยาที่จำเป็นในการดูแลผู้ป่วยที่รักษาตัวที่บ้าน (Home Isolation Kit) ในพื้นที่ที่ MuvMi ให้บริการทั่วกรุงเทพฯ

ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

คุณพรรณทิพย์ เพชรมาก รองผู้อำนวยการ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน)

หม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรี ยุคล ผู้ก่อตั้ง “โครงการต้องรอด โดยกลุ่ม Up for Thai”

ดร.กฤษดา กฤตยากีรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เออร์เบิน โมบิลิตี้ เทค จำกัด

มุมมองของแขกรับเชิญทั้ง 4 ท่าน ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการช่วยเหลือภาคประชาชนในปัจจุบัน ทั้งกลุ่มผู้ที่อาศัยในชุมชนแออัด กลุ่มคนพิการ คนไร้สิทธิ กลุ่มคนเปราะบางของสังคม และผู้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการส่งมอบความช่วยเหลือของกองทุนมิตรผล-บ้านปูฯ ที่กำหนดไว้ในการเพิ่มงบประมาณครั้งนี้ ทั้งนี้ กองทุนฯ ได้มีส่วนสนับสนุนและทำงานร่วมกับทั้ง 4 หน่วยงาน จัดสรรงบประมาณเพื่อการจัดหาอาหาร ยารักษาโรค เครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ให้เพียงพอในภาวะเช่นนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าความช่วยเหลือจะถูกส่งต่อไปถึงคนไทยได้อย่างทั่วถึง

กลุ่มมิตรผล และบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ในฐานะภาคเอกชน พร้อมปฏิบัติตามนโยบายและมาตรการที่รัดกุมจากภาครัฐต่อไป ขณะเดียวกันก็ขอเป็นอีกหนึ่งแรงสำคัญในการสนับสนุนภารกิจป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และให้การดูแลช่วยเหลือคนไทยที่ได้รับผลกระทบ ด้วยทรัพยากร ศักยภาพ และเครือข่ายที่ทั้งสององค์กรมี โดยหวังว่า “กองทุนมิตรผล-บ้านปู รวมใจช่วยไทย สู้ภัย COVID-19” จะเป็นหนึ่งส่วนสำคัญที่เคียงข้างคนไทยให้ก้าวผ่านวิกฤติกลับมาสู่ภาวะปกติสุขได้อีกครั้ง

###

เกี่ยวกับ “กองทุนมิตรผล-บ้านปู รวมใจช่วยไทย สู้ภัย COVID-19”

กลุ่มมิตรผลและบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกันจัดตั้ง ‘กองทุนมิตรผล- บ้านปู รวมใจช่วยไทย สู้ภัย COVID-19’ เมื่อเดือนมีนาคม 2563 งบประมาณรวม 500 ล้านบาท โดยเป็นการระดมทุนกันบริษัทละ 250 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุขที่จำเป็นในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แก่โรงพยาบาลและหน่วยงานสาธารณสุขต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงให้การช่วยเหลือภาคประชาชนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ในเดือนตุลาคม 2564 กองทุนฯ ได้ประกาศเพิ่มงบประมาณอีก 500 ล้านบาท รวมเป็น 1,000  ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือสังคมไทยต่อไป

เกี่ยวกับบ้านปู

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจด้านพลังงานแบบครบวงจรแห่งเอเชีย-แปซิฟิก ดำเนิน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจแหล่งพลังงาน ธุรกิจผลิตพลังงาน และธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานใน 10 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย จีน ออสเตรเลีย ลาว มองโกเลีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม

เกี่ยวกับกลุ่มมิตรผล

กลุ่มมิตรผล เป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่อันดับ 5 ของโลก และอันดับ 1 ในเอเชีย ด้วยจำนวนโรงงานน้ำตาล 16 แห่ง โรงไฟฟ้าชีวมวล 11 แห่ง และโรงงานผลิตเอทานอล 4 แห่ง พร้อมเกษตรกรชาวไร่อ้อยในความดูแลจำนวนกว่า 143,000 รายในประเทศไทย ลาว จีน ออสเตรเลีย และอินโดนีเซีย นอกจากนี้ กลุ่มมิตรผลยังเป็นผู้ผลิตพลังงานชีวมวลรายใหญ่ในเอเชีย และยังดำเนินงานในธุรกิจวัสดุทดแทนไม้ ธุรกิจปุ๋ย และธุรกิจลอจิสติกส์ในอุตสาหกรรมเกษตร

 

© 2024 บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) | Banpu Public Company Limited. All rights reserved.