บ้านปูช่วยไทยสู้โควิด-19 ไปแล้ว 250 ล้านบาท รุดให้ความช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ และเยียวยาประชาชนที่เดือดร้อนต่อเนื่อง โดยเฉพาะวิกฤติระลอก 4
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เดินหน้าเคียงข้างคนไทยในวิกฤติโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง เร่งจัดสรรเงินผ่าน “กองทุนมิตรผล-บ้านปู รวมใจช่วยไทย สู้ภัย COVID-19” พร้อมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อมอบความช่วยเหลือให้ทันการณ์ รวมยอดเงินสนันสนุนหน่วยงานต่างๆ ทุกภาคส่วน ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 จนถึงปัจจุบันคิดเป็นเงิน 250 ล้านบาท ครอบคลุมการจัดหาเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ในโรงพยาบาลและหน่วยงานด้านสาธารณสุขในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงและเป็นศูนย์กลางรักษาผู้ติดเชื้อ ตลอดจนถุงยังชีพและของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวันแก่ผู้ด้อยโอกาส และขาดแคลน ทั้งหมดล้วนเป็นภารกิจที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น โดยประสานและส่งมอบความช่วยเหลืออย่างรวดเร็วและไม่เว้นวันหยุด ด้วยระดับความรุนแรงของสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เพิ่มสูงขึ้นและความพร้อมด้านสาธารณสุขของประเทศที่กำลังเผชิญวิกฤติหนักหน่วงขึ้น
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ตลอดช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่บ้านปูยังคงบริหารธุรกิจให้เดินหน้าเพื่อประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสีย ภารกิจเคียงข้างคนไทยในยามวิกฤตินี้ก็เดินหน้าควบคู่ไปอย่างต่อเนื่อง ตามเจตนารมณ์ของคุณชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการของบ้านปู ซึ่งร่วมก่อตั้งกองทุนมิตรผล-บ้านปู รวมใจช่วยไทยสู้ภัย COVID-19 ขึ้น เพื่อส่งมอบความช่วยเหลือและขวัญกำลังใจให้กับทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะบุคลากรด่านหน้า นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นวิกฤติที่หนักหน่วงที่สุดและมีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรง บ้านปูได้จัดสรรเงินช่วยเหลือไปกว่า 120 ล้านบาท เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มโรงพยาบาล โดย 2 ส่วนหลักมาจากที่เราสนับสนุนงบประมาณ 30 ล้านบาท เพื่อสร้างหอผู้ป่วยวิกฤติระบบการหายใจบ้านปู 2 แก่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเป็นการช่วยเหลือครั้งที่ 2 ต่อเนื่องจากครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา และงบประมาณกว่า 20 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลในกรุงเทพและพื้นที่ใกล้เคียง 5 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โรงพยาบาลตากสิน โรงพยาบาลสมุทรปราการ โรงพยาบาลสมุทรสาคร และสาธารณสุขจังหวัดฉะเชิงเทรา นอกจากนี้ยังสนับสนุนโครงการนำร่อง Telemedicine ให้แก่โรงพยาบาลบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร และจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์กลุ่มเครื่องพยุงอาการและช่วยชีวิต ได้แก่ เครื่องช่วยหายใจ เครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจ เครื่องเฝ้าระวังและติดตามสัญญาณชีพ เครื่องให้อากาศผสมออกซิเจนอัตราการไหลสูง เครื่องควบคุมการให้สารละลายทางหลอดเลือดดำ และอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล ให้กับโรงพยาบาลต่างๆ เช่น โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ โรงพยาบาลสระบุรี และสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เพื่อช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์รักษาผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว และมีความพร้อมในการรับมือกับวิกฤติสาธารณสุขที่เกิดขึ้น”
สำหรับการช่วยเหลือภาคประชาชน บ้านปูได้ขยายความช่วยเหลือสู่ชุมชนผ่านองค์กรที่เป็นสื่อกลาง เพื่อให้เข้าถึงผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนได้อย่างทั่วถึง อาทิ การสนับสนุนเงินจำนวน 1.5 ล้านบาท แก่โครงการ “ต้องรอด” ของกลุ่ม Up for Thai เพื่อจัดซื้อวัตถุดิบทำอาหารสำหรับโรงครัวชุมชนต่างๆ ในการผลิตอาหารและแจกจ่ายไปยังชุมชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง และล่าสุด บ้านปูได้สนับสนุนกล่องเราดูแลกัน หรือ Covid Care Box ซึ่งบรรจุเวชภัณฑ์และสิ่งของจำเป็นสำหรับผู้ป่วยที่ต้องรักษาตัวอยู่ที่บ้าน พร้อมชุดตรวจโควิดด้วยตนเอง (Rapid Antigen Test) ผ่านเครือข่าย ‘เราดูแลกัน’ (We Care Network) มูลค่า 5 ล้านบาท อีกทั้งยังสนับสนุนงบประมาณรวม 7 ล้านบาทเพื่อร่วมสร้างเมรุเผาศพรวมถึงสนับสนุนกิจกรรมการฌาปนกิจให้แก่วัดอีก 20 แห่งในพื้นที่สีแดงเข้มอีกด้วย
การช่วยเหลือของบ้านปูในครั้งนี้เป็นหนึ่งในภารกิจภายใต้ “กองทุนมิตรผล-บ้านปู รวมใจช่วยไทย สู้ภัย COVID-19” มูลค่า 500 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนของบ้านปู 250 ล้านบาท ที่ดำเนินการช่วยเหลือเพื่อสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุขที่จำเป็นในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แก่โรงพยาบาลและหน่วยงานสาธารณสุขต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบเชิงเศรษฐกิจจากโควิด-19 โดยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนฯ เมื่อเดือนมีนาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน กองทุนมิตรผล-บ้านปูฯ ได้มอบความช่วยเหลือให้กับ 336 หน่วยงาน ใน 38 จังหวัด รวมมูลค่ากว่า 430 ล้านบาท
# # #
เกี่ยวกับบ้านปู
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ ดำเนิน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานใน 10 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย จีน ออสเตรเลีย ลาว มองโกเลีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม