บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใส โดยได้กำหนดนโยบายด้านการเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใสของรายงานทางการเงินและการดำเนินการไว้ในนโยบายบรรษัทภิบาลของบริษัทฯ อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการเปิดเผยสารสนเทศทางการเงินและอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและผลประกอบการของบริษัทฯ อย่างถูกต้อง ครบถ้วน เพียงพอ เชื่อถือได้ และทันเวลา ให้กับผู้ถือหุ้น นักลงทุน นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ตลอดจนบุคคลทั่วไปอย่างสม่ำเสมอ
คณะกรรมการบริษัทมุ่งมั่นที่จะดูแลให้มีการปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ และระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใสอย่างเคร่งครัด โดยเมื่อกรรมการบริษัทหรือผู้บริหารมีการซื้อขายหุ้นของบริษัทฯ ตามข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ จะต้องรายงานข้อมูลให้กับหน่วยงานกำกับดูแลทราบ ทั้งนี้ บริษัทฯ กำหนดให้คณะกรรมการบริษัทและผู้บริหารต้องรายงานการถือครองหลักทรัพย์ของบริษัทฯ เมื่อรับตำแหน่งครั้งแรก และต้องรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือครองหลักทรัพย์ ซึ่งนับรวมถึงคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ตลอดจนบุคคลที่เกี่ยวข้อง ให้คณะกรรมการบริษัททราบเป็นประจำเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงโดยบริษัทฯ กำหนดให้มีการรายงานการถือครองหลักทรัพย์ของกรรมการและผู้บริหารเป็นรายเดือน โดยบรรจุเป็นวาระหนึ่งในการประชุมคณะกรรมการบริษัท
บริษัทฯ มีมาตรการป้องกันการใช้ข้อมูลภายใน โดยได้กำหนดเป็นแนวปฏิบัติไว้ในคู่มือจริยธรรมธุรกิจ ในหัวข้อ “ความขัดแย้งทางผลประโยชน์และการรักษาข้อมูลอันเป็นความลับ” โดยเฉพาะในหัวข้อ “การใช้ข้อมูลของบริษัทฯ” โดยบริษัทฯ ถือว่าเป็นความรับผิดชอบของกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานที่จะต้องปฏิบัติตามนโยบายการใช้ข้อมูลภายในอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลภายในที่ยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ หรือข้อมูลที่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจหรือราคาหุ้น ในส่วนของกรรมการ ได้มีการกำหนดแนวปฏิบัติไว้ในแนวทางปฏิบัติของคณะกรรมการบริษัท พ.ศ. 2552 และกำหนดในข้อปฏิบัติจริยธรรมธุรกิจ ดังนี้
- ไม่ใช้โอกาสหรือข้อมูลที่ได้จากการเป็นกรรมการ ผู้บริหาร หรือพนักงาน ในการหาประโยชน์ส่วนตนและในเรื่องการทำธุรกิจที่แข่งขันกับบริษัทฯ หรือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง
- ไม่ใช้ข้อมูลภายในเพื่อประโยชน์ของตนในการซื้อขายหุ้นของบริษัทฯ หรือให้ข้อมูลภายในแก่บุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ในการซื้อขายหุ้นของบริษัทฯ
- ไม่เปิดเผยข้อมูลความลับทางธุรกิจของบริษัทฯ ต่อบุคคลภายนอก โดยเฉพาะคู่แข่งขัน แม้หลังพ้นสภาพการเป็นกรรมการ ผู้บริหาร หรือพนักงานไปแล้ว
- คณะกรรมการและผู้บริหารตามนิยามของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ตลอดจนบุคคลใดที่ได้รับทราบข้อมูลภายในของบริษัทฯ ที่เป็นสาระสําคัญซึ่งมีผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ต้องไม่กระทำการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ในช่วงเวลาห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ที่บริษัทฯ กำหนด (Blackout Period) โดยได้มีการกำหนดแนวปฏิบัติ ดังนี้
- คณะกรรมการ ผู้บริหารของบริษัทฯ (รวมทั้งคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของบุคคลดังกล่าว) ตลอดจนบุคคลใดที่ได้รับทราบข้อมูลภายในของบริษัทฯ ที่เป็นสาระสําคัญซึ่งมีผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ต้องไม่กระทำการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ในช่วง 1 เดือน ก่อนที่ข้อมูลงบการเงินหรือข้อมูลอื่นที่มีผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์บริษัทฯ จะเปิดเผยต่อสาธารณชน และต้องไม่ซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทฯ จนกว่าจะพ้นระยะเวลา 24 ชั่วโมง นับตั้งแต่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณะแล้ว
- คณะกรรมการและผู้บริหารตามนิยามของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. มีหน้าที่รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ตามหลักเกณฑ์ที่ทาง ก.ล.ต. กำหนด
ในส่วนของการพัฒนาระบบควบคุมการใช้ข้อมูลภายใน บริษัทฯ ได้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology: IT) มาใช้ควบคุม เช่น ระบบการป้องกันการเข้าถึงข้อมูลของบริษัทฯ จากบุคคลภายนอก ระบบควบคุมระดับการเข้าถึงข้อมูลของบริษัทฯ ของพนักงานในระดับต่าง ๆ ให้ตรงกับความรับผิดชอบ ในกรณีที่ผู้บริหารหรือพนักงานมีส่วนร่วมในการทำงานเฉพาะกิจที่เกี่ยวกับข้อมูลที่ยังไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะและอยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งงานนั้น ๆ เข้าข่ายการเก็บรักษาข้อมูลภายในอันอาจมีผลต่อความเคลื่อนไหวของราคาหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ผู้บริหารและพนักงานเหล่านั้นจะมีการทำสัญญาการเก็บรักษาข้อมูลภายใน (Confidentiality Agreement) ไว้กับบริษัทฯ จนกว่าจะมีการเปิดเผยข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ การดูแลเรื่องการใช้ข้อมูลภายในของบริษัทฯ ได้กำหนดไว้ในข้อบังคับการทำงานของพนักงานทุกระดับ ในหมวดวินัยและการลงโทษ ซึ่งกำหนดว่าพนักงานผู้ใดไม่ปฏิบัติตามหรือฝ่าฝืนวินัยที่กำหนดไว้ ให้ถือว่าพนักงานผู้นั้นทำผิดวินัยและต้องได้รับโทษตามลักษณะแห่งความผิด โดยมีใจความว่า “เปิดเผยความลับของบริษัทฯ เจตนาทำลายชื่อเสียงความเชื่อถือหรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ อันเป็นเหตุให้บริษัทฯได้รับความเสียหายหรือสูญเสียโอกาสทางธุรกิจ” พนักงานผู้กระทำผิดจะได้รับโทษรุนแรงถึงขั้นไล่ออก
ในปี 2567 บริษัทได้มีการติดตามเพื่อให้เกิดการปฏิบัติตามนโยบายการใช้ข้อมูลภายใน ดังนี้
- คณะกรรมการและผู้บริหารจะมีการรายงานการถือครองหลักทรัพย์ของบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ของตนเอง คู่สมรส บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง ต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในการประชุมครั้งถัดไป หลังจากกรรมการหรือผู้บริหารท่านนั้นได้รับการแต่งตั้ง หลังจากนั้น หากกรรมการหรือผู้บริหาร รวมทั้งคู่สมรส บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง มีการทำธุรกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กรรมการหรือผู้บริหารท่านนั้นก็จะรายงานการซื้อขายหลักทรัพย์นั้นต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งถัดไปทุกครั้ง ทั้งนี้ รายงานการถือครองหลักทรัพย์ของกรรมการและผู้บริหารจะถูกบรรจุเป็นวาระหนึ่งของการประชุมคณะกรรมการทุกครั้ง โดยเลขานุการบริษัททำหน้าที่เป็นผู้รวบรวมและจัดเตรียมรายงานดังกล่าวต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเป็นรายเดือน
- บริษัทฯ กำหนดเป็นนโยบายให้คณะกรรมการและผู้บริหาร รวมทั้งคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของบุคคลดังกล่าว ตลอดจนบุคคลใดที่ได้รับทราบข้อมูลภายในของบริษัทฯ ที่เป็นสาระสำคัญอันมีผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ต้องไม่กระทำการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ในช่วง 1 เดือนก่อนที่ข้อมูลงบการเงินหรือข้อมูลอื่นที่มีผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์บริษัทฯ จะเปิดเผยต่อสาธารณชน และต้องไม่ซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทฯ จนกว่าจะพ้นระยะเวลา 24 ชั่วโมง นับตั้งแต่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณะแล้ว โดยฝ่ายเลขานุการบริษัทจะทำหน้าที่แจ้งเตือนให้กรรมการและผู้บริหารทราบล่วงหน้าถึงช่วงระยะเวลาห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าวทุกครั้ง
- บริษัทฯ จัดให้มีกิจกรรมการสื่อสาร เพื่อสร้างความตระหนักในการปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าวตลอดทั้งปี โดยผนวกเป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสารนโยบายบรรษัทภิบาลและคู่มือจริยธรรมธุรกิจ ผ่านช่องทางการสื่อสารและสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ ภายในบริษัทฯ ไปยังผู้บริหารและพนักงานทุกระดับ (ร้อยละ 100) ตลอดจนสื่อสารไปยังกรรมการทุกคน (ร้อยละ 100) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการละเว้นการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ก่อนเปิดเผยงบการเงิน
ในปี 2567 ที่ผ่านมา ไม่มีกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้ข้อมูลภายใน และการซื้อขายสินทรัพย์ตามกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์